การแก้ไขที่ว่านี้ มีทั้งเรื่องน่ายินดี และ เรื่องที่ยังทำให้สับสน เรามาเริ่มจากเรื่องน่ายินดีก่อนนะครับ
ด้านล่างนี้คือรายการหัวข้อสำคัญที่ถูกลบออกจากการแก้ไข IHR และ สนธิสัญญาโรคระบาด:
PABS “ระบบการเข้าถึงเชื้อโรคและแบ่งปันผลประโยชน์” — ตัดออกไปแล้ว
สุขภาพหนึ่ง หรือ ONE HEALTH – ตัดออกไปแล้ว
การบังคับทางการแพทย์–ตัดออกไปหมด แต่เรื่องวัซีนสำหรับผู้เดินทางยังน่าสับสนอยู่
พาสปอร์ตวัคซีนดิจิทัล (หรือที่เรียกว่า ID ดิจิทัล) — หายไปแล้ว
การลิดรอนสิทธิมนุษยชน–ไปแล้ว
ความสามารถในการแจ้งเหตุฉุกเฉินนอกเหนือจากสุขภาพ เช่น สภาพอากาศ — ตัดออกไปแล้ว
ความสามารถในการจำกัดยา การย้ายยาจากประเทศหนึ่งไปอีกประเทศหนึ่ง จำเป็นต้องฉีดวัคซีน — หมดไปแล้ว
ความสามารถในการสั่งให้ประเทศต่างๆ ผ่านกฎหมายที่ WHO เรียกร้องได้ — หมดไปแล้ว
ความต้องการของ WHO เปิดตัววัคซีนที่ยังไม่ทดลองและไม่มีใบอนุญาต — หมดสิ้นไปแล้ว
ความต้องการของ WHO ให้ความคุ้มครองความรับผิดต่อวัคซีนและยาที่ไม่มีใบอนุญาตแก่บริษัทยา — หมดไปแล้ว
ด้านลบบ้างนะครับ
สิ่งที่ไม่ดีมาใหม่ใน IHR คือ “การจัดการ” ข้อมูลที่ผิดและการบิดเบือนข้อมูล ซึ่งก็คือ การเซนเซอร์ อะไรที่ไม่ตรงกับ WHO
มีการเพิ่ม ยา วัคซีน การวินิจฉัย และ ยีนบำบัด ในคำจำกัดความของ “ผลิตภัณฑ์ด้านสุขภาพที่เกี่ยวข้อง” ที่สามารถนำมาใช้ได้ในยามฉุกเฉิน
สองเรื่องนี้สำคัญมากครับ เพราะนี้คือหัวใจในการนำเราไปสู่การถูกหลอกฉีดยาบำบัดยีนอีกได้
หัวข้อที่ 1
“ผลิตภัณฑ์ด้านสุขภาพที่เกี่ยวข้อง” หมายถึงผลิตภัณฑ์ด้านสุขภาพที่จำเป็นต่อการตอบสนองต่อเหตุฉุกเฉินด้านสาธารณสุขที่เป็นข้อกังวลระหว่างประเทศ รวมถึงภาวะฉุกเฉินจากโรคระบาด ซึ่งอาจรวมถึง ยา วัคซีน การวินิจฉัย อุปกรณ์ทางการแพทย์ ผลิตภัณฑ์ควบคุมแมลง อุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคล ผลิตภัณฑ์ขจัดการปนเปื้อน ผลิตภัณฑ์ช่วยเหลือ ยาแก้พิษ การบำบัดด้วยเซลล์และยีน และเทคโนโลยีด้านสุขภาพอื่นๆ
ใน Article 31 ในปาร์การาห์แรก ระบุอย่างชัดเจนว่า ผู้เดินทาง ‘ไม่จำเป็น’ ต้องฉีดวัคซีน แต่ในปาร์การาห์ที่สอง State Party อาจ ‘บังคับ หรือ แนะนำ’ ผู้เดินทาง ให้วัคซีนได้…
ด้านบนนี้คือ IHR ส่วน Pandemic Treaty ได้ถูกเลื่อนออกไปอีก 1 ปีครับ
สรุปแล้ว ผลออกมาดีครับ ยกเว้น 2 ข้อ เรื่องการ เซนเซอร์ และ การใช้ ยีนบำบัดครับ
ไม่ยอมรับเรื่องการบำบัดด้วยเซลล์ และยีนและเทคโนโลยีด้านสุขภาพอื่นๆ เพราะเราไม่ไว้วางใจ who