วัคซีน HPV และ วัคซีนในเด็ก

รู้จัก คุณหมอ เชอร์รี เทนเพนนี

ดร. เชอร์รี เจ. เทนเพนนีเป็นแพทย์ด้านโรคกระดูก ซึ่งได้รับการรับรองในสาขาเวชศาสตร์โรคกระดูก และมีใบรับรองความเชี่ยวชาญด้านเวชศาสตร์บูรณาการ ท่านได้รับการรับรองจากคณะกรรมการด้านการแพทย์ฉุกเฉินตั้งแต่ปี 1986 ถึง 1998 เมื่อทำงานเป็นแพทย์เวชศาสตร์ฉุกเฉินเต็มเวลา และดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการศูนย์การบาดเจ็บระดับ II

ผู้ก่อตั้ง Tenpenny Integrative Medical Center คลินิกตั้งอยู่ใกล้กับคลีฟแลนด์ รัฐโอไฮโอ คลินิกของท่านนำเสนอแนวทางการรักษาแบบองค์รวมที่เป็นธรรมชาติในการรักษาโรค ความสำเร็จของท่านดึงดูดผู้ป่วยจากทั้งหมด 50 รัฐและอย่างน้อย 17 ประเทศ

ดร. เทนเพนนีใช้เวลามากกว่า 24 ปีและใช้เวลามากกว่า 40,000 ชั่วโมงในการค้นคว้า บันทึก และเปิดเผยปัญหาที่เกี่ยวข้องกับวัคซีน ท่านป็นวิทยากรประจำในการประชุมระดับชาติและระดับนานาชาติ และเป็นแขกประจำในรายการวิทยุ พอดแคสต์ และรายการทีวี โดยแบ่งปันข้อมูลที่ได้รับการวิจัยอย่างสูงของท่านว่าเหตุใดเราจึงควรปฏิเสธวัคซีน

เว็บไซต์ ดร. เชอร์รี เทนเพนนี : https://drtenpenny.com


เนื้อหาการสนทนา

  1. ความจริงเกี่ยวกับวัคซีน HPV
  2. กลโกงในการทดสอบความปลอดภัยของวัคซีนทั่วไป
  3. สารเคมีต่างๆ ในวัคซีนทั่วไป
  4. ผลข้างเคียงของวัคซีนทั่วไป
  5. ความจริงเกี่ยวกับไวรัส HPV
  6. ประสิทธิผลของวัคซีน HPV ในการป้องกันมะเร็งปากมดลูก
  7. ผลข้างเคียงของวัคซีน HPV
  8. ลำดับการป่วยมะเร็งปากมดลูก
  9. สาเหตุที่แท้จริงของมะเร็งปากมดลูก
  10. วิธีป้องกันและรักษามะเร็งปากมดลูก
  11. วัคซีนในเด็ก (ลงในรายละเอียดครบทุกเข็ม)
  12. การดีท็อกซ์ วัคซีนในเด็ก
  13. CDS | Homeopathy และการดีท็อกซ์ ยาฉีดโควิด(วัคซีน)
  14. postmortem clot (โพสโมเตม คอต)

ชมคลิปการสนทนา (อ่านบทสนทนาภาษาไทยเลื่อนลงครับ)


เริ่มบทสนทนาที่ถอดเสียงและแปลไทยจากคลิป

ดร.เชอร์รี่ เทนเพนนี : สวัสดีตอนเช้าค่ะ

อดิเทพ : สวัสดีตอนเช้าครับ ขอบคุณมากครับที่สละเวลาสำหรับผม ผมทราบมาว่าท่านมีปัญหาสุขภาพ ตอนนี้เป็นอย่างไรบ้างครับ?

ดร.เชอร์รี่ เทนเพนนี : ดีขึ้นมากแล้วค่ะ ขอบคุณมากที่ถาม ฉันดีขึ้นมากโดยการตั้งใจทานอาหารเสริมเป็นปอนด์ ออกกำลังกายทุกประเภท และผ่านทุกคนมายัดเยียดให้ฉันมากมาย ฉันมีปัญหาเล็กน้อยกับขาซ้าย แต่นอกเหนือจากนั้น ฉันสบายดีค่ะ ดังนั้นฉันจึงกำลังฝึกความแข็งแกร่งของตัวเอง ฉันขับรถได้ ฉันบินได้ ฉันทำได้ทุกอย่าง คนที่ฉันพบส่วนใหญ่มักพูดว่า “ถ้าฉันไม่รู้ว่าคุณเป็นโรคหลอดเลือดสมอง ฉันก็จะไม่รู้ว่าคุณเป็นโรคหลอดเลือดสมอง” … นั่นเป็นพรสำหรับฉันค่ะ เป้าหมายของฉันคือ… ฉันเป็นโรคหลอดเลือดสมองเมื่อวันที่ 29 สิงหาคมปีที่แล้ว (2023) เป้าหมายของฉันคือภายในวันที่ 29 สิงหาคมปีนี้ ทุกอย่างจะได้รับการแก้ไข นั่นคือสิ่งที่ฉันกำลังทำงานอย่างหนักเพื่อให้ฟื้นตัวได้ดีค่ะ
มีคนมากมายที่พูดว่า … “นี่คงเป็นช่วงที่เหลือของชีวิตของคุณ” และฉันบอกว่านี่เป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้ ขอบคุณที่ถามค่ะ

อดิเทพ : สำหรับการสัมภาษณ์วันนี้ ผมมีคำถามมากมายสำหรับท่าน แต่ผมจะพยายามทำให้มันสั้นที่สุดเท่าที่จะทำได้ ความกังวลของผมคือเรื่องวัคซีน… เหมือนเดิม… ประเทศไทยตอนนี้มีความตระหนักรู้มากนับตั้งแต่มีการฉีด’วัคซีน’ป้องกันโควิดนี้ ขณะนี้เรามีการรณรงค์ครั้งใหญ่สำหรับวัคซีน HPV และผู้ปกครองหลายคนมีความกังวลเกี่ยวกับวัคซีนสำหรับเด็ก

ดร.เชอร์รี่ เทนเพนนี : มีอะไรพิเศษอีกไหมที่คุณจะถามฉันโดยเฉพาะ?

อดิเทพ : คำถามของผมคือเกี่ยวกับวัคซีน HPV และวัคซีนสำหรับเด็กครับ เนื่องจากมีแคมเปญสำหรับเชื้อ HPV เกิดขึ้น และคนก็กลัว เพราะมะเร็งปากมดลูก…เมื่อฟังดูน่ากลัวเหมือนกับมะเร็งอื่นๆ

ดร. เชอร์รี่ เทนเพนนี : ฉันยินดีส่งงานนำเสนอ PowerPoint นี้ให้คุณ หากคุณต้องการทำสิ่งนั้น เรื่องของมะเร็งปากมดลูกทั้งหมด… HPV มันไม่ก่อให้เกิดมะเร็งด้วยซ้ำ และไม่ใช่ไวรัสจริงๆ ด้วยซ้ำ เราสามารถพูดถึงเรื่องนั้นได้นิดหน่อย ก่อนอื่น ผู้คนไม่ควรอยู่ในสภาวะแห่งความกลัวและคิดว่าผลิตภัณฑ์บางชนิดจากบริษัทยาจะขจัดความกลัวนั้นออกไป

อดิเทพ : ก่อนจะเริ่ม ก่อนเข้าสู่เรื่อง HPV ครับ ขอสอบถามเกี่ยวกับวัคซีนโดยทั่วไปครับ ผู้คนมักพูดว่า…เหมือนที่แพทย์หลายๆ ท่านพูดเสมอว่าวัคซีนมีความปลอดภัย แต่เมื่อพวกเขาพูดว่าปลอดภัย พวกเขาไม่ได้เข้าไปศึกษาส่วนผสมของวัคซีนจริงๆ แต่ถ้าคุณเข้าไปแล้วพยายามเข้าใจสิ่งที่อยู่ข้างใน เราก็รู้ว่ามันไม่ปลอดภัย อะไรคือสิ่งที่ทำให้วัคซีนไม่ปลอดภัยครับ?

ดร.เชอร์รี เทนเพนนี : ไม่มีอะไรปลอดภัยเลย ก่อนอื่นเราไม่ควรฉีดพิษเข้าไปในร่างกายของเราและคาดหวังให้มันส่งผลดีต่อเรา
ก่อนที่ฉันจะค้นคว้าเรื่องวัคซีนอย่างลึกซึ้ง ซึ่งก็เป็นเวลา 24 ปีแล้วที่ฉันใช้เวลาค้นคว้าเรื่องนี้ ดังนั้น นี่ไม่ใช่สิ่งที่ฉันเพิ่งทำในช่วงสุดสัปดาห์ ฉันใช้เวลา 40-50,000 ชั่วโมงในช่วง 23 ปีที่ผ่านมาเพื่อเจาะลึกเรื่องนี้
ก่อนหน้านั้นฉันเป็นแพทย์ประจำห้องฉุกเฉินที่ได้รับการรับรอง ฉันเคยเป็นผู้อำนวยการศูนย์รับบาดเจ็บระดับ 2 ในสหรัฐอเมริกาเป็นเวลา 12 ปี เราไม่เคยได้รับการฝึกอบรมหรือการศึกษาใดๆ เกี่ยวกับวัคซีนในโรงเรียนแพทย์เลย ฉันแน่ใจว่าคุณเคยเห็นมาแล้ว.. มีคลิปของคนที่เขารวบรวม รวมคลิปของแพทย์ โดยไปถามแพทย์ว่า… พวกเขาสอนคุณเกี่ยวกับวัคซีนในโรงเรียนแพทย์มากแค่ไหนและคำตอบจากทั้งหมดนี้ แพทย์ทุกวัยต่าง ‘ไม่มีอะไรเลย’

รู้ไหม ตอนฉันเรียนแพทย์จบ มีวัคซีนเพียง 3 ชนิดเท่านั้นคือ MMR, DPT และโปลิโอ ไม่มีอะไรจะพูดถึงมากนักนอกจากประวัติการฉีดวัคซีนและสิ่งเหล่านี้ได้กำจัดการติดเชื้อเหล่านี้ให้หมดสิ้น และนี่คือกำหนดการและนี่คือวิธีที่คุณทำ

ในปี 1991 (2534) พวกเขาตั้งเป้าหมายมาที่ตารางการฉีดวัคซีน จนถึงตอนนี้ เด็กๆ ทั่วโลกได้รับวัคซีนประมาณ 17 อย่าง อย่างน้อยก็ในอเมริกา มีวัคซีนบางชนิดที่ใช้ในระดับสากลซึ่งไม่ได้ใช้ที่นี่เหมือนกับวัคซีนบีซีจี [BCG วัคซีนสำหรับโรควัณโรค (TB)] โดยปกติจะฉีดเด็กตั้งแต่แรกเกิดในประเทศอื่น บางครั้งอาจมีวัคซีนอื่นๆ ที่พวกเขาใช้ซึ่งไม่ได้ใช้ที่นี่ แต่ตามกฎทั่วไป เด็กๆ จะได้รับวัคซีน 17 แบบทั่วโลก

และนั่นเริ่มต้นในปี 1991 ก่อนที่จะเริ่มวิจัยวัคซีน ฉันคิดว่าวัคซีนจะมีอันตรายมากซักขนาดไหน.. มันก็เป็นเพียงไวรัสตัวเล็กๆ กับน้ำเกลือเล็กน้อย เมื่อนำมารวมกัน ก็ฉีดเข้าไปในเด็กจะกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกัน เพื่อสร้างภูมิคุ้มกัน
จนกระทั่งปี 2000… กันยายน 2000 ฉันจึงเริ่มตรวจสอบปัญหาที่เกี่ยวข้องกับวัคซีนจริงจัง ฉันเริ่มดูเอกสารกำกับบรรจุภัณฑ์ และเริ่มอ่านผลการศึกษาจำนวนมากที่ตีพิมพ์ในวารสารการแพทย์กระแสหลักทั้งหมด เช่น New England Journal of Medicine | Pediatric and Infectious Disease Journal และอื่นๆ ฉันตกใจอย่างมาก เมื่อฉันเริ่มมองสิ่งต่างๆทั้งหมดที่อยู่ในวัคซีน

และคุณรู้ไหมว่าเมื่อคุณเริ่มดู … คุณรู้ไหมว่า เมื่อคุณดูสิ่งต่างๆ ทั้งหมด เช่นเลือดวัว ชิ้นส่วนไก่ เจลาตินที่ทำจากมูลวัว… เมื่อคุณดูแมลงและเซลล์ลิงที่เรียกว่าเซลล์บูโร เซลล์ทารกในครรภ์ที่มนุษย์ทำแท้ง ทุกสิ่งที่อยู่ในวัคซีน คุณดูส่วนผสมต่างๆ ทั้งหมดในวัคซีน เช่น กรดอะมิโน ยาปฏิชีวนะ อลูมิเนียม และสารเคมีอื่นๆ อีกมากมาย

มีสารเคมีและโปรตีนที่แปลกต่าง ประมาณ 150 ชนิด รวมถึงเซลล์แปลกปลอมที่อยู่ในวัคซีน … คุณจะไม่ได้รับสารเคมีถึง 150 ชนิดในวัคซีนตัวเดียว แต่ถ้าคุณได้รับวัคซีนทั้งหมด คุณจะได้รับสารเคมี 150 ชนิดเหล่านั้น เซลล์ เซลล์สัตว์ เซลล์ไตของสุนัข เซลล์ลิง และเซลล์ทารกในครรภ์ที่มนุษย์ทำแท้ง.. กระจายไปทั่ว ตารางวัคซีนทั้งหมด ดังนั้นคุณจะได้รับสารเคมี 150 ชนิด เลือดวัว หรือชิ้นส่วนไก่ และสิ่งต่างๆ เหล่านั้นทีละนิดหากคุณได้รับวัคซีนตามกำหนดการทั้งหมด ฉันแค่อยากจะให้ความชัดเจนกับผู้คนเมื่อฉันบอกว่ามีสารเคมี 150 ชนิดที่พบในวัคซีน นั้นไม่ใช่ 150 ชนิดในการฉีดเพียงครั้งเดียว แต่ถ้าคุณฉีดวัคซีนทั้งหมด คุณก็จะได้รับพิษ ที่เป็นพิษจริงๆ ที่แตกต่างกัน

คุณรู้ไหม ประมาณปี 2010 เมื่อมูลนิธิบิลและเมลินดา เกตส์ ประกาศในช่วงทศวรรษระหว่างปี 2010 ถึง 2020 ให้เป็นทศวรรษแห่งวัคซีน พวกเขาทุ่มอำนาจทั้งหมดภายใต้นามของพวกเขา และเงินจำนวนมากเพื่อ ฉีดวัคซีนให้โลก

คือ… ถ้าเราสามารถทำให้ทุกคนป่วยตั้งแต่ที่พวกเขายังเป็นเด็กน้อยได้.. หูอักเสบ หอบหืด กลาก รคสมาธิสั้นแบบนิ่ง ADD (Attention Deficit Disorder) โรคสมาธิสั้น ADHD (Attention Deficit Hyperactivity Disorder) โรคเบาหวานที่ต้องพึ่งอินซูลิน โรคลมชัก มะเร็ง และโรคทั้งหมดนี้ ผลข้างเคียงต่างๆ ทั้งหมดนี้มาจากการวางยาพิษในเด็ก ซึ่งทำเพื่อให้พวกเขากลายเป็นลูกค้าของอุตสาหกรรมยาไปตลอดชีวิต

คุณกำลังให้สารเคมีจำนวนมากแก่พวกเขา เพื่อป้องกันไม่ให้พวกเขาป่วยจากการติดเชื้อไวรัสหรือแบคทีเรีย ซึ่งในเด็กส่วนใหญ่ ประการแรกเลย พวกเขาอาจไม่ได้รับเชื้อด้วยซ้ำ และประการที่สอง หากพวกเขาได้รับเชื่อ เชื่อเหล่านี้จะมาและไปในหนึ่งสัปดาห์ถึง 10 วัน และพวกเขาจะมีภูมิคุ้มกันเรื่อยๆ ไปตลอดชีวิตตามธรรมชาติ คุณคิดว่าคุณจะติดเชื้อที่แตกต่างกันคราวละ 5 หรือ 6 หรือ 7 โรคในเวลาเดียวกันหรือไม่? ไม่ แต่คุณกำลังฉีดสิ่งนั้นให้กับเด็กๆ โดยคิดว่ามันจะปกป้องสุขภาพของพวกเขาได้ แต่มันกลับให้ผลตรงกันข้าม ทำให้ระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอลงและเสี่ยงต่อการติดเชื้อและโรคร้ายแรงมากขึ้นจนต้องรับการรักษาด้วยยาไปตลอดชีวิต

พวกเขาตัดสินใจว่าถ้าเราสามารถจับเด็ก ระหว่างแรกเกิดถึงสองปี แล้วทำให้พวกเขาป่วยเรื้อรังได้ พวกเขาจะเป็นลูกค้าของอุตสาหกรรมยาไปตลอดชีวิต

ในสหรัฐอเมริกา พวกเขามีบางอย่างที่เรียกว่าคอมโบ 10 (Combo) ซึ่งเป็นวัคซีนสำหรับเด็กที่พบบ่อยที่สุด 10 อันดับ แพทย์ได้รับการสร้างแรงจูงใจว่า… และได้รับการสร้างแรงจูงใจทางการเงินอีกด้วย ว่าถ้า 63 เปอร์เซ็นต์ของเด็กในสถานพยาบาลของพวกเขา ได้รับวัคซีนทั้ง 10 โดสทุกโดส แพทย์จะได้รับรางวัลจากบริษัทประกันภัย 400 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อเด็ก 1 คน จากจำนวนเด็กทั้งหมดที่อยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์นั้นๆ ดังนั้น..จงติดตามเงินอยู่เสมอ ติดตามเงินในการให้วัคซีน ติดตามเงินในการทำให้เด็กป่วย

แนวทางปฏิบัติของฉัน เด็กไม่ได้รับการฉีดวัคซีนกลุ่มใหญ่ด้วยเหตุผลสองประการสำหรับเด็กเล็ก เพราะเราไม่ให้วัคซีน ประการที่สอง พ่อแม่ทั้งหมดย้ายมาที่เราเพราะพวกเขาต้องการที่จะอยู่ในแนวทางปฏิบัติที่พวกเขาไม่ถูกกดดันให้วางยาพิษให้ลูกๆ ของพวกเขา และเมื่อคุณมีเด็กที่ไม่ได้รับการฉีดวัคซีนจำนวนมาก สิ่งที่คุณจะเห็นคือ..เด็กเหล่านี้จะไม่ป่วย! พวกเขาจะเป็นหวัดนิดหน่อย คุณก็รู้..ป่วยนิดป่วยหน่อยตามการเปลี่ยนแปลงตามฤดูกาล ทำให้เกิดอาการแพ้เล็กน้อยหรืออะไรทำนองนั้นในฤดูใบไม้ผลิ แต่พวกเขาไม่เคยป่วยเลย ครั้งเดียวที่เราจะเห็นพวกเขาเข้ามาในคลีนิคคือก่อนเปิดเทอม เพราะไปตรวจร่างกาย ตามที่โรงเรียนกำหนด เพื่อเล่นกีฬา

ในชิคาโก Chicago เมื่อหลายปีก่อน มีแพทย์คนหนึ่งเป็นเพื่อนที่ดีของฉัน เขาเป็นสูติแพทย์ และรูปแบบธุรกิจทั้งหมดของเขาคือ… เราจะคลอดบุตรที่บ้าน และพวกเขาก็จะมีแม่ที่แข็งแรงและลูกที่แข็งแรงของพวกเขา เราจะจ้างกุมารแพทย์เพื่อดูแลแม่ที่มีสุขภาพดีและไม่ได้รับการฉีดวัคซีนเหล่านี้ เด็กทารก และโมเดลก็ไม่ได้ผล เขาหล่มเหลว มันไม่สามารถทำได้ในเชิงธุรกิจ เพราะหมอไม่มีงานเพียงพอที่จะหาเงินเลี้ยงชีพได้ เขามาทุกสองสามเดือนเมื่อลูกอายุไม่กี่ขวบ เพราะเป็นลูกคนแรก คือเวลาที่พ่อแม่กลัวว่าจะทำอะไรผิด

ที่นี้ เราไม่มีระบบครอบครัวหลายรุ่นในสหรัฐอเมริกาอีกต่อไป ฉันไม่รู้ว่าเมืองไทยมีแบบนี้หรือเปล่า แต่เคยเป็นว่า ถ้าฉันเป็นคุณแม่มือใหม่ที่มีลูกตัวน้อยคนใหม่ และฉันไม่รู้ว่าจะดูแลเขาอย่างไร ฉันจะไปถามแม่หรือ คุณยาย…จะดูแลลูกคนนี้อย่างไร ถ้าลูกเป็นไข้ คัดจมูกนิดหน่อย แทนที่จะวิ่งไปหมอ ฉันจะไปหาแม่หรือยายแล้วพวกเขาก็จะพูดว่า ไม่อ่ะ…ไม่เป็นไร เพราะพวกเขามีประสบการณ์ร่วมกันหลายปีและพวกเขาสามารถบอกคุณได้ด้วยการมองดูทารกคนนั้นว่าป่วยหรือไม่ หรือจำเป็นต้องได้รับการดูแลจากแพทย์ หรืออาจเป็นเพียงสิ่งชั่วคราว ยกตัวอย่าง ให้หยุดนี้โน้นสัก 2-3 วัน แล้วให้โปรไบโอติก วิตามินดีเล็กน้อย วิตามินดีหยดใต้ลิ้น แล้วก็จะไม่เป็นไร

ไม่รู้ว่าเมืองไทยทำแบบนั้นหรือเปล่า แต่ที่นี่ คนรีบพาไปหาหมอ ให้ยาปฏิชีวนะ และถูกกดดันให้ฉีดวัคซีน ดังนั้นเราจึงวางยาพิษเด็กๆ และทำให้พวกเขาเป็นลูกค้าตลอดชีวิตของอุตสาหกรรมยา เป็นงานที่ขับเคลื่อนโดยอุตสาหกรรมยา มันไม่เกี่ยวกับสุขภาพของเด็ก

อดิเทพ : ช่วยพูดถึงการตรวจสอบความปลอดภัยหน่อยนะครับ เนื่องจากบริษัทวัคซีนเหล่านี้… พวกเขาทำให้คุณเชื่อว่ามีการทดลองเกิดขึ้นแล้ว ความปลอดภัย (การศึกษา) ของวัคซีนเหล่านี้ได้ดำเนินการแล้ว แต่อันที่จริงแล้วจะมีการฉ้อโกงบางอย่าง มีกลอุบายและกลวิธีที่ซ่อนอยู่ ท่านช่วยพูดถึงวัคซีน HPV หรือวัคซีนประเภทอื่นเกี่ยวกับเรื่องนี้ได้ไหมครับ?

ดร. เชอร์รี เทนเพนนี : ปัญหาคือการทดลองวัคซีนส่วนใหญ่ไม่มียาหลอก (Placebo | พลาซีโบ้) ที่แท้จริง ตามคำจำกัดความ มันเหมือนกับว่าคุณได้รับการฉีดวัคซีนชนิดใหม่นี้หรือไม่ก็ตาม หากมีประชากรจำนวน 800 คน 400 คนจะได้รับวัคซีน และอีก 400 คนควรจะได้รับยาหลอก ซึ่งควรจะเป็นสิ่งที่ไม่มีอะไรโดยสิ้นเชิง เช่น น้ำเกลือฉีดธรรมดา สิ่งที่ไม่มีสารเคมีใดๆ อยู่ในนั้น แล้วคุณก็เปรียบเทียบในกลุ่ม 400 ที่เพิ่งได้รับยาหลอก ที่เป็นยาหลอกจริงๆ เช่นน้ำเกลือ เทียบกับเด็กที่ได้รับวัคซีน…แล้วดูว่าผลข้างเคียงมีอะไรบ้าง? มันแสดงให้คุณเห็นว่าเด็กๆ ที่ได้รับวัคซีนไม่มีผลข้างเคียงเหมือนกับคนที่ได้รับยาหลอกหรือไม่?

ปัญหาคือในอุตสาหกรรมวัคซีน ยาหลอกไม่เคยเป็นยาหลอกอย่างแท้จริงเลย ในวัคซีนการ์ดาซิล (วัคซีน HPV) …วัคซีนการ์ดาซิลมีอะลูมิเนียมอยู่เป็นจำนวนมาก และเมื่อพวกเขาทำการทดลองทางคลินิก.. ก่อนอื่นเลย การทดลองมีขนาดเล็กมาก พวกเขาทำกับเด็กอายุ 9 ถึง 12 ปีเท่านั้น แต่ตอนนี้พวกเขาต้องการฉีดทุกคนรวมถึงผู้ใหญ่ด้วย.. ซึ่งไม่เคยทดสอบในการทดลองใดๆ เลย และเมื่อพวกเขาทำการทดลอง พวกเขาใช้วัคซีนการ์ดาซิลที่มีอะลูมิเนียม และยาหลอกคือการฉีดอะลูมิเนียม ในตอนท้ายของการทดลอง พวกเขากล่าวว่า “ผลข้างเคียงก็เหมือนๆ กัน” เป็นเพราะผลข้างเคียงหลายอย่างเกิดจากอะลูมิเนียม! ดังนั้นอะลูมิเนียมในวัคซีนจึงถูกนำไปเปรียบเทียบกับอะลูมิเนียมใน “ยาหลอก” … เป็นไปได้ไง… มันไม่ใช่ มันเป็นการฉ้อโกงอย่างยิ่ง และมีวัคซีนอื่นๆ อีกมากมายที่เป็นเช่นนั้น… เช่นเดียวกับแนวทางการทดลองทางคลินิกใหม่ที่ออกมาจากองค์การอนามัยโลก… มีแนวทางใหม่ที่ออกมาในปี 2559 และในแนวทางใหม่พวกเขากล่าวว่าหากมีวัคซีนที่ผ่าน “การทดลอง” ไปแล้ว และได้รับการอนุมัติให้ใช้ตาม “ระเบียบ” ของพวกเขา และได้รับการพิจารณาแล้วว่าปลอดภัย ในการทดลองทางคลินิกครั้งใหม่ สำหรับวัคซีนตัวใหม่ คุณไม่ได้รับอนุญาตให้ใช้ยาหลอก ซึ่งเป็นยาหลอกที่แท้จริง คุณควรใช้วัคซีนรุ่นเก่าเป็นยาหลอก

ดังนั้น.. เพื่อให้เป็นบริบทสำหรับผู้คน… ประมาณสี่ปีที่แล้วหรือห้าปี พวกเขาได้นำวัคซีนป้องกันไวรัสตับอักเสบบีชนิดใหม่ออกมา ซึ่งมีพิษร้ายแรงและมีผลข้างเคียงที่ร้ายแรง มันแย่มาก… มันมีสารเสริม (Adjuvant) ที่มีพิษร้ายแรงอยู่ในนั้น และพวกเขาไม่ได้รับอนุญาตให้ทดสอบสิ่งนั้นจากมาตรฐานทางวิทยาศาสตร์กับการฉีดยาหลอกหรือน้ำเกลือ พวกเขาต้องทำการทดสอบเปรียบเทียบกับวัคซีนป้องกันไวรัสตับอักเสบบีที่มีอยู่ แน่นอนว่าทั้งสองกลุ่มมีผลข้างเคียงมากมาย และ FDA (อย สหรัฐฯ) บอกว่า “วัคซีนใหม่ไม่ได้ก่อให้เกิดผลข้างเคียงมากกว่าวัคซีนเก่า”

ดังนั้น..มันเป็นเรื่องโกหก มันเป็นการฉ้อโกงทั้งหมด แล้วคุณรู้ไหมว่า แพทย์เมื่อพวกเขาอ่านผลการศึกษาที่ตีพิมพ์ในวารสารทางการแพทย์ ก่อนอื่นการศึกษาในวารสารทางการแพทย์โดยทั่วไปจะมีความยาวประมาณ 12 ถึง 15 หน้าเมื่อตีพิมพ์ มีการเผยแพร่โดยมีบทคัดย่อ ดังนั้นในตอนเริ่มต้นบทคัดย่อจะบอกคุณถึงบทสรุปของบทความเกี่ยวกับอะไร ในตอนท้ายของบทคัดย่อ มักจะมีบทสรุปของบทคัดย่อเพียงประโยคเดียว

ดังนั้น แพทย์ส่วนใหญ่จะมีงานยุ่งมาก และถ้าพวกเขาใช้เวลาอ่านวารสารก็ตาม พวกเขาก็แค่พลิกดูวารสาร และถ้าพวกเขาเห็นหัวข้องานวิจัยที่ดึงดูดความสนใจของพวกเขา ก็จะทำให้แพทย์ช้าลง และ พวกเขาอ่านบทสรุปของบทคัดย่อ

ฉันสามารถบอกคุณจากตัวเองได้จากการอ่านการศึกษาทางการแพทย์หลายร้อยฉบับ อ่านแบบสมบูรณ์ ฉันอ่านทั้ง 12 หน้า และเมื่ออ่าน 12 หน้าเสร็จแล้วก็ได้แต่คิด อะไรในโลกนี้ทำให้เขาสรุปแบบนี้.. เมื่อคุณดูวิทยาศาสตร์ การวิจัย ข้อมูล… พวกเขาทำข้อสรุปนั้นจากการวิจัยนี้ได้อย่างไร และพวกเขาทำข้อสรุปเช่นนั้นและบทสรุปของนามธรรม เพราะนั่นคือวิธีที่ นักวิทยาศาสตร์ได้รับเงินทุนรอบต่อไปสำหรับการวิจัยครั้งต่อไปตามแนวทาง (ของบริษัทยา/รัฐ)

ย้อนกลับไปเมื่อประมาณปี 2561 อุตสาหกรรมการพิมพ์ออกกฎห้ามเผยแพร่ข้อมูลเชิงลบใดๆ ซึ่งหมายความว่าหากทำการทดลองทางคลินิกแล้วพบว่าวัคซีนหรือตัวยาไม่ได้ผล ไม่ได้ผลเลยหรือมีผลข้างเคียงมากเกินกว่าที่คาดไว้ พวกเขาไม่ได้รับอนุญาตให้เผยแพร่สิ่งนั้น พวกเขาได้รับอนุญาตให้เผยแพร่เฉพาะสิ่งใดก็ตามที่ดูเหมือนว่ามันจะเป็นประโยชน์หรือเป็นบวกซึ่งเป็นการฉ้อโกงทางวิทยาศาสตร์ มันบ่อนทำลายไปหมด ฉันรู้สึกแย่กับนักวิจัย นักวิทยาศาสตร์วิจัยที่ใช้เวลาทั้งทำการศึกษา รวบรวมข้อมูล วิเคราะห์ข้อมูล เขียนรายงาน แล้วไม่ถูกตีพิมพ์เพราะว่ายา ‘ไม่ดี’ ‘ไม่เวิร์ค’ หรือคนที่ฉีดวัคซีนหรือกินยาป่วยหนัก ไม่ควรทำแบบนี้และสาเหตุที่อุตสาหกรรมการพิมพ์จะไม่ตีพิมพ์เพราะอุตสาหกรรมการพิมพ์และวารสารวิทยาศาสตร์เป็นของและควบคุมโดยอุตสาหกรรมยา ดังนั้น อุตสาหกรรมยาจึงไม่ต้องการให้แพทย์คนอื่นๆ นักวิทยาศาสตร์คนอื่นๆ ประชาชนทั่วไปที่อ่านเรื่องประเภทนี้รู้ว่ามีเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์เกิดขึ้น… มีเพียงเรื่องดีเท่านั้น และคุณต้องรับมันให้มากขึ้น

อดิเทพ : เราเลยได้แต่ข้อมูลข้างเดียว หากมีสิ่งใดไม่ดีก็ถูกคุม

ดร.เชอร์รี เทนเพนนี : ใช่ค่ะ

อดิเทพ : ขอสรุปสิ่งที่ท่านพูด…เมื่อเปรียบเทียบวัคซีน แทนที่จะเปรียบเทียบกับยาหลอก พวกเขาแค่เปรียบเทียบยาฉีดที่มีอลูมิเนียมกับอลูมิเนียม แต่ในอันหนึ่งจะมีไวรัส HPV ผสมอลูมิเนียม เข้าไป อีกอัน (ซึ่งเป็นยาหลอก) ยังคงมีสารที่ทำให้เกิดการบาดเจ็บแต่ไม่มีไวรัส

ดร.เชอร์รี เทนเพนนี : ถูกต้อง.. ถูกต้องๆๆๆ และไวรัส…จริงๆ…เมื่อคุณอ่านเอกสารแทรก เมื่ออ่านเรื่องวัคซีนการ์ดาซิล..เพราะคุณอยากพูดถึงวัคซีน HPV โดยเฉพาะ

อดิเทพ : ใช่ครับ

ดร. เชอร์รี เทนเพนนี : คือว่า … พวกมันไม่มีไวรัสด้วยซ้ำ พวกมันถูกเรียกว่าอนุภาคคล้ายไวรัส ดังนั้นจึงสังเคราะห์ไวรัสที่มีลักษณะคล้ายไวรัสขึ้นมา แต่จริงๆ แล้วมันไม่ใช่ไวรัส เขาเรียกว่า “อนุภาคคล้ายไวรัส” “Viral Like Particles” เมื่อพวกเขาทำการศึกษา พวกเขาต้องรวบรวมข้อมูลของผู้หญิงทั่วโลก การศึกษาเหล่านี้ออกมาในปี 2549 ก็คือปี 2549 2550 และ 2551 ในช่วงเวลานั้น ต้องรวบรวมข้อมูลการทำ แปป สเมียร์ (Pap Smear) (การตรวจ Pap smear คือการตรวจปากมดลูกอักเสบ) ของผู้หญิงทั่วโลก เพื่อให้มีข้อมูลของผู้หญิงที่ติดเชื้อ HPV 16 หรือ 18 อย่างเพียงพอ โดยไม่รู้ด้วยซ้ำ เนื่องจากมีไวรัส papilloma ของมนุษย์ (ไวรัส HPV) อยู่หลายสิบสายพันธุ์ ดังนั้นเพื่อที่จะค้นหาสายพันธุ์ที่พบบ่อยที่สุด พวกเขาต้องทำการตรวจแปปสเมียร์ของผู้หญิงทั่วโลก แล้วจึงรวบรวมข้อมูล สมมุติว่าเป็น HPV 16 และ 18 ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของเขา ขณะนี้มีอนุภาคคล้ายไวรัสเพิ่มมากขึ้น

และความจริงก็คือ ผู้หญิงส่วนใหญ่ในโลก ในชีวิตมีการติดเชื้อ HPV ซึ่งเป็นการติดเชื้อที่ปากมดลูกจากไวรัสปกติที่เรียกว่า Human Papilloma Virus (HPV) และความจริงก็คือ 98% ของผู้หญิงเหล่านั้นที่ติดเชื้อ เช่นเดียวกับ 98% ของผู้คนที่เป็นหวัด อาการดีขึ้น ผู้หญิง 98% ที่ติดเชื้อ HPV… แค่เป็นแล้วหาย… ส่วนใหญ่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตนติดเชื้อ แต่จะมีภูมิคุ้มกันตลอดชีวิต

มีผู้หญิงไม่ถึง 2% ที่จะพัฒนาสิ่งที่ดูเหมือนมะเร็งปากมดลูกต่อไป พวกเขาตั้งชื่อมันว่า CIN ซึ่งย่อมาจาก… ระดับของการอักเสบ CIN ย่อมาจาก Cervical Cell Staging (Cervical Intraepithelial Neoplasia)

CIN 1 เป็นการอักเสบ ระยะ 0 ซึ่งไม่ลงลึก มันเป็นการติดเชื้อแบบผิวเผิน และพวกเขามีระดับ 1, 2,และ 3
ระดับที่ 3 เป็นระดับการอักเสบสูงสุดของปากมดลูก แต่ถึงแม้คนที่มีเกรด 3 ซึ่งพบไม่บ่อยนัก ก็มีเพียงประมาณ 2% เท่านั้นที่ไปเป็นมะเร็งปากมดลูก และมะเร็งนั้นอาจใช้เวลาถึง 10-20 ปีในการพัฒนา ดังนั้นผู้หญิงจึงเข้ารับการตรวจ Pap test เป็นประจำ แม้กระทั่งการตรวจ แปป สเมียร์ (Pap Smear) ทุกสองสามปี .. พวกเขาเปลี่ยนกฎระเบียบในสหรัฐอเมริกาโดยแนะนำให้ตรวจ Pap Test ทุก 3 ปี

หากคุณเป็นคนที่มีความเสี่ยงสูง แล้วคุณมีความเสี่ยงเป็นมะเร็งมากขึ้น เพราะสูบบุหรี่ คุณมีสมาชิกในครอบครัวที่เป็นมะเร็งปากมดลูก คุณอาจมีคู่นอนจำนวนมาก เพราะยิ่งมีคู่นอนมากเท่าไร ปัจจัยเสี่ยงของมะเร็งปากมดลูกเพิ่มเท่านั้น อาจเป็นไปได้ว่าคุณมีการติดเชื้อประเภทอื่นที่ปากมดลูก บางทีคุณอาจจะกินยาคุมกำเนิดอยู่ นั่นจะเป็นการเพิ่มความเสี่ยง หากคุณใช้ยาเหล่านี้มาเป็นเวลานาน… เช่นถ้าคุณใช้ยาคุมกำเนิดมานานกว่า 10 ปี บางทีคุณอาจมีภาวะโภชนาการไม่ดี คุณควรได้รับการตรวจแปปสเมียร์บ่อยขึ้น และเมื่อ. คุณได้รับการตรวจ Pap Smear บ่อยขึ้น คุณสามารถพบไวรัส Human Papilloma Virus (HPV) ซึ่งสามารถรักษาได้ด้วยวิตามินบีและไอโอดีน และเปลี่ยนอาหารของคุณ หยุดสูบบุหรี่ เลิกยาคุมกำเนิด ปัจจัยเสี่ยงทั้งหมด และ มันจะหายไป

คุณไม่จำเป็นต้องฉีดยาพิษที่เรียกว่าวัคซีน ที่มีอลูมิเนียมจำนวนมากอยู่ในนั้น วัคซีนการ์ดาซิล (วัคซีน HPV) มีปริมาณอะลูมิเนียมสูงที่สุดในบรรดาวัคซีนทั้งหมดที่มีอยู่ เพื่อพยายามป้องกันมะเร็งที่อาจเกิดขึ้นกับผู้คนน้อยกว่า 2% ใน 10-20 ปีหลังจากที่คุณติดเชื้อ

อดิเทพ : เมื่อเค้าบอกว่ามีความเสี่ยง เป็น CIN เกรด 1, 2 และ 3 ซึ่งยังไม่เป็นมะเร็ง มันเป็นเพียงการอักเสบที่อาจนำไปสู่มะเร็งใช่ไหมครับ?

ดร.เชอร์รี เทนเพนนี : ใช่ค่ะ มันเป็นระดับของอาการอักเสบ

อดิเทพ : แต่แล้วคนก็กลัวเมื่อหมอบอกว่ามี CIN 1,2,3
ผมฟังบทสัมภาษณ์ของ Robert F. Kennedy (โรเบิร์ต เอฟ เคนเนดี คือผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ประจำปี 2024) ท่านบอกว่าความเสี่ยงต่อการเสียชีวิตด้วยมะเร็งปากมดลูกในผู้หญิงคือ 0.23% …ขออภัยครับ มันคือ 2.3 คนใน 100,000 คน ดังนั้น ในผู้หญิง 100,000 คน มีผู้หญิง 2.3 คนเสียชีวิตจากมะเร็งปากมดลูก และอายุเฉลี่ยอยู่ที่ 58 ปี

ดร. เชอร์รี เทนเพนนี : แต่เรากำลังฉีดวัคซีนให้กับเด็กอายุ 9-12 ปี โดยคิดว่านั่นจะช่วยปกป้องพวกเขาจากสิ่งที่อาจเกิดขึ้นกับพวกเขาเมื่อพวกเขาอายุ 58 ปี ทีนี้ลองนึกถึงทุกสิ่งที่อาจเกิดขึ้นในชีวิตของคุณในช่วงอายุ 12 ถึง 58 ปี และปัจจัยเสี่ยงทั้งหมดที่ฉันพูดถึง การสูบบุหรี่ ยาคุม การมีคู่เพศสัมพันธ์ปริมาณมาก โภชนาการที่แย่มาก สิ่งที่สามารถเปลี่ยนแปลงและแก้ไขได้… ประวัติครอบครัวของคุณ คุณไม่สามารถทำอะไรได้มากเกี่ยวกับพันธุกรรมของคุณ แต่มีตัวแปรมากมายที่คุณสามารถควบคุมได้

ทำไมเราถึงฉีดบางสิ่งที่ไม่ใช่ไวรัสจริงๆ เข้าไปให้สาวๆ มันมีพิษมากมาย ซึ่งก็คืออะลูมิเนียมในนั้น เพื่อป้องกันไม่ให้พวกเขาเป็นมะเร็งในอีก 50 ปีต่อจากนี้ สิ่งนั่นจะยังอยู่ในระบบของคุณหรือเปล่า คำตอบคือไม่ ดังนั้น ความคิดทั้งหมดนี้ ที่เกี่ยวกับผู้คนหวาดกลัว พวกเขาเพียงแค่ต้องดูข้อเท็จจริง และอย่าใช้ชีวิตด้วยความกลัวและไม่เชื่อทุกสิ่งที่แพทย์บอก… โดยเฉพาะเกี่ยวกับวัคซีน

อดิเทพ : แต่แล้วก็มีการอ้างว่านับตั้งแต่มีการนำวัคซีนมาใช้ ผู้หญิงก็เสียชีวิตจากมะเร็งปากมดลูกน้อยลง
ดร.เชอร์รี เทนเพนนี : ไม่จริงค่ะ
อดิเทพ : ไม่จริงหรือครับ… ครับ… คำถามต่อไปคือ..ในการค้นคว้าข้อมูลของผม ผมเห็นว่าโรคภูมิต้านทานโจมตีตนเองเพิ่มขึ้นเพราะวัคซีน HPV มันเชื่อมโยงกับวัคซีนนี้ไหม หรือ… อะไรกำลังเกิดขึ้นครับ?

ดร. เชอร์รี เทนเพนนี : มีอาการหนึ่ง ที่เรียกว่า ASIA syndrome เป็นเพียงชื่อ ไม่เกี่ยวกับคนเอเชีย มันเป็นโรคภูมิต้านทานตนเองที่เกิดจาก Adjuvants (autoimmune syndrome induced by adjuvants (ASIA)) นั่นคือสิ่งที่ ASIA ย่อมาจาก.. ASIA เป็นกลุ่มอาการภูมิคุ้มกันโจมตีตัวเองที่เกิดจาก Adjuvants และสารเสริมก็คือสารเคมีที่เราพูดถึงไปแล้วนิดหน่อย ที่พบในวัคซีน และโดยเฉพาะอะลูมิเนียม MF 59 ปรอท สิ่งเหล่านั้น มีหน้าที่เพิ่มความสามารถของวัคซีนในการสร้างแอนติบอดี

และมีการตีพิมพ์หลายฉบับ … จริงๆแล้วมีการศึกษาที่ตีพิมพ์ในปี 2023 … พวกเขาพูดถึงเรื่องนี้มานานหลายทศวรรษแล้ว.. ปัญหาทั้งหมดนี้ของโรคภูมิต้านโจมตีตนเองที่เกิดจากสารเสริมที่อยู่ภายในวัคซีนเหล่านี้ และเมื่อเร็วๆนี้ มีการศึกษาขนาดใหญ่ ขนาดมหึมาอีกครั้ง ที่พวกเขาวิเคราะห์ข้อมูลทั้งหมด และพิจารณามัน และเสนอแนะว่ามันเป็นเรื่องจริงอย่างแน่นอน ว่าโรคภูมิต้านทานโจมตีตนเองมีสาเหตุมาจากสารเสริม ที่อยู่ในวัคซีนเหล่านี้ และในช่วงหลายปีที่ผ่านมา มีการถกเถียงกันมากมาย กับคณะกรรมการต่างๆ เช่น องค์การอนามัยโลก และทำนองนั้นว่า เราจะทำอะไรได้บ้าง เพื่อนำสารเสริมออกจากวัคซีน และคำตอบคือไม่มีอะไร เพราะเมื่อพวกเขาฉีดบางอย่างที่ไม่มีสารเสริม (Adjuvant) เข้าไป มันกระจายหายไปทั่วร่างกายของคุณอย่างรวดเร็วจนไม่สามารถพัฒนาการตอบสนองทางภูมิคุ้มกันได้

ดังนั้น อุตสาหกรรมทั้งหมดจึงตกอยู่ภายใต้ความไม่แน่ใจเพราะพ่อแม่พูดว่า “เดี๋ยวก่อน… สิ่งเหล่านี้ที่คุณฉีดเข้าไปในลูกน้อยของฉัน คืออะไร? มันมีผลเสียมากกว่าผลดีหรือเปล่า? มันจะอยู่นานแค่ไหน? ฉันรู้ด้วยซ้ำไหมว่าอะไรกำลังออกมาจากเข็มนั้น? และนั่นคือเหตุผลว่าทำไมตอนนี้จึงมีการผลักดันครั้งใหญ่ในการต่อต้านโดยมูลนิธิ Gates.. เพิ่งออกมาพูดเมื่อสองสามสัปดาห์ก่อน และองค์การอนามัยโลกและอุตสาหกรรมยาทั้งหมดก็ออกมาต่อต้านสิ่งที่พวกเขาเรียกว่า “ความลังเลใจในวัคซีน” ซึ่งหมายความว่าพ่อแม่และผู้ใหญ่และปู่ย่าตายาย… ทุกคนคือ.. เดี๋ยวก่อน. พวกเขาถูกจิ้มจากไฟเซอร์และโมเดอร์น่าที่หลอกกัน.. รู้ไหมค่ะ.. นี่คืออาวุธชีวภาพทดลอง ..ที่ถูกพวกเขาบังคับฉีดคนโดยใช้ความกลัว!

และตอนนี้เรากำลังค้นพบสิ่งเลวร้ายทั้งหมดที่ซ่อนอยู่ ซึ่งจริงๆ แล้วพวกเขาก็รู้ด้วยซ้ำ ไฟเซอร์รู้ว่าประมาณ 1,200 โรคที่อาจเกิดจากการถูกฉีด ก่อนที่จะปล่อยมันออกสู้ตลาดด้วยซ้ำ เมื่อมีข้อมูลออกมามากขึ้นเรื่อยๆ เกี่ยวกับด้านที่ไม่ดีของวัคซีนโควิด, ไฟเซอร์, โมเดอร์นา และประเภทย่อยอื่นๆ ทั้งหมด พ่อแม่ก็เริ่ม… เดี๋ยวนะ หลอกฉันครั้งหนึ่งเธอแย่.. หลอกฉันสองครั้ง ฉันไม่อยากให้มันเกิดขึ้น ดังนั้น บางทีฉันควรตรวจดูสิ่งที่เกิดขึ้นในตารางวัคซีนในวัยเด็กให้ละเอียดยิ่งขึ้น และลูกๆ ของฉันต้องการสิ่งนี้จริงๆ หรือไม่ หรือฉันกำลังถูกทำให้รู้สึกอับอายและหวาดกลัวจากแพทย์ แพทย์ที่บอกว่าพวกเขารู้เรื่องนี้ทั้งๆ ที่พวกเขาไม่ได้รู้จริงๆ หรือฉันควรจะรู้ สิทธิ์ที่จะพูดว่าฉันไม่ต้องการให้สิ่งนี้ถูกฉีดเข้าไปในร่างกายของฉัน

อดิเทพ : ก่อนหน้านี้ท่านเพิ่งพูดถึง.. ว่าประมาณ 98% ของประชากรผู้หญิงติดเชื้อไวรัสนี้ แต่มีการศึกษาเก่าชิ้นหนึ่งที่บอกว่า.. หากคุณติดไวรัสนี้แล้วและคุณฉีดวัคซีน.. มีอัตราการเป็นมะเร็งปากมดลูกเพิ่มขึ้น 44% ท่านช่วยพูดเรื่องนี้หน่อยได้ไหมครับ?

ดร. เชอร์รี เทนเพนนี : ฉันไม่แน่ใจ คุณช่วยถามคำถามนั้นอีกครั้งได้ไหมค่ะ?

อดิเทพ : ครับ เมื่อคุณเคยติดไวรัสนี้อยู่แล้วและไปฉีดวัคซีน HPV .. คุณมีแนวโน้มที่จะเป็นมะเร็งปากมดลูก ‘เพราะ’ วัคซีนมากขึ้น สมมุติว่ามี 2 คน คนหนึ่งเคยติดไวรัสนี้และรับวัคซีน คือคนนี้ได้รับเชื้อไวรัสมาแล้วครั้งหนึ่งแล้วไปฉีด การฉีดจะทำให้มีโอกาสเป็นมะเร็งปากมดลูกมากขึ้นถึง 44% นี่เป็นหนึ่งในบทสัมภาษณ์ของ โรเบิร์ต เอฟ. เคนเนดี ผมเลยอยากถามเรื่องนี้สักหน่อยครับ

ดร. เชอร์รี เทนเพนนี : คงมีการศึกษาเพิ่มเติมที่ฉันไม่คุ้นเคยมาก่อน แต่ฉันไม่แปลกใจเลยเพราะวัคซีนทุกตัวที่คุณได้รับไปกดระบบภูมิคุ้มกันของคุณ และเรามีระบบภูมิคุ้มกันแบบแอคทีฟที่พระเจ้าประทานให้ ซึ่งจะคอยควบคุมไวรัส แบคทีเรีย ปรสิต และสิ่งต่างๆ ในลักษณะนั้น และถ้าเราให้วัคซีนแก่พวกเขา ปิดการป้องกันภายในของเรา นั่นทำให้เราเสี่ยงต่อทุกสิ่งมากขึ้น ดังนั้นฉันไม่รู้ว่าวิจัยนั้นโดยตรงคืออะไร แต่ก็ไม่ได้ทำให้ฉันประหลาดใจค่ะ

อดิเทพ : ขอบคุณครับ ว่ากันว่ามะเร็งปากมดลูกสามารถรักษาได้ หากตรวจพบตั้งแต่เนิ่นๆ หรือในการตรวจ แปป สเมียร์ (Pap Smear) คุณปลอดภัยมาก ไม่อันตราย เมื่อเทียบกับมะเร็งชนิดอื่นๆ แต่ความกลัวมะเร็งเป็นความกลัวที่ยิ่งใหญ่ แต่ถ้าผู้คนเข้าใจว่าสิ่งนี้แตกต่างจากมะเร็งชนิดอื่น… ท่านช่วยบอกเราหน่อยได้ไหมครับว่า ทำไมมะเร็งชนิดนี้จึงรักษาได้ดีกว่ามะเร็งชนิดอื่นมาก?

ดร. เชอร์รี เทนเพนนี : ก่อนอื่นเลยค่ะ มันเป็นมะเร็งเฉพาะที่ และที่สำคัญกว่านั้น ปากมดลูกก็คืออวัยวะภายนอกในทางเทคนิค มันเหมือนกับจมูกของคุณ มันอยู่นอกร่างกายของคุณและเพราะมันอยู่นอกร่างกาย เพียงเล็กน้อยก็จะอักเสบมากขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นกับ CIN 1, 2 และ 3 ซึ่งเป็นระดับของการอักเสบ หากคุณได้รับ CIN 3 แสดงว่ามีการอักเสบมาก แต่ก็ยังไม่ใช่มะเร็ง มันเป็นเพียงการอักเสบมาก ดังนั้น หากคุณมีอวัยวะภายนอกเช่นจมูกหรือหูที่มีการอักเสบมาก คุณสามารถรักษาได้ดีขึ้นเพราะคุณสามารถมองเห็นได้ และคุณสามารถระบุตำแหน่งได้ไม่เหมือนมะเร็งปอด มะเร็งตับ หรือมะเร็งไตที่อยู่ภายในตัวคุณ ร่างกายและต้องรักษาอย่างเป็นระบบเพื่อให้ได้ยาหรือเคมีบำบัดจึงจะไปถึงมะเร็งนั้นได้ เพราะปากมดลูกเป็นอวัยวะภายนอก คุณสามารถทาสีด้วยเมทิลีนบลู คุณสามารถทาสีด้วยไอโอดีนเหลว คุณสามารถทำสิ่งที่เย็นกว่ากรวยเย็นได้ คุณไปขูดปากมดลูก และเอาชิ้นส่วนหรือส่วนที่แตกหักออก และตัดการอักเสบออก และทำให้มันหายไป และทำสิ่งที่แตกต่างเพื่อรักษามัน แต่ถ้าคุณจะทำสิ่งที่ก้าวร้าวแบบนั้น มันจะได้ผลถ้าคุณควบคู่ไปกับการเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิต เช่น ทำความสะอาดอาหาร หยุดสูบบุหรี่ เลิกยาคุมกำเนิด หยุดมีคู่นอนหลายๆ คน อย่างน้อยต้องแน่ใจว่าคู่ของคุณสวมถุงยางอนามัยเพราะคุณอาจติดเชื้อจากคู่ครองชายของคุณ และคุณจะป้องกันปากมดลูกได้อย่างไรโดยการสวมถุงยางอนามัย จึงรักษาได้มากกว่าเพราะเป็นอวัยวะภายนอกที่มองเห็นและติดตามความคืบหน้าได้

เราทำการศึกษาเล็กๆ คลีนิคของเรา มันไม่เป็นทางการ เราไม่ได้ทำอะไร เราไม่ได้เผยแพร่มัน แต่มีกลุ่มผู้หญิงประมาณ 30 คน มาพบเราโดยมีการตรวจแปปสเมียร์ผิดปกติ และในขณะนั้น เราทำการศึกษาเล็กๆ ฉันมี Ob-Gyn (สูติแพทย์นรีแพทย์) ที่ทำงานให้ฉัน และเธอทำการตรวจแปปสเมียร์ ดังนั้นเราจึงมีคนกลุ่มเล็กๆ ที่มีการตรวจแปปสเมียร์ผิดปกติ และเรารักษาพวกเขาด้วยการเปลี่ยนแปลงอาหาร การให้อาหารเสริม และการนำพวกเขาออกจากยาคุมกำเนิด เธอจะตรวจแปปสเมียร์กับพวกเขาและตรวจดูปากมดลูก จากนั้นทาสีด้วยลูโกลไอโอดีน Lugol Iodine สำหรับผู้หญิงที่เข้ามาพร้อมกับการตรวจแปปสเมียร์ผิดปกติ ถ้าฉันจำไม่ผิด ประมาณสองในสาม… ภายในสามเดือน… หายเป็นปกติ ก็มีบ้างที่หลุดไปไม่กลับมา มีบางส่วนที่ไม่ปฏิบัติตามระเบียบการ พวกเขายังคงสูบบุหรี่และใช้ยาคุมกำเนิด ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ดีขึ้นมากนักแต่คนอื่น… ปากมดลูกของพวกเขาหายดี คุณรู้ไหมว่าร่างกายมีความสามารถที่น่าทึ่งในการรักษาตัวเอง แต่แพทย์ทำให้เราเชื่อว่าเมื่อคุณป่วยคุณก็มักจะป่วยอยู่เสมอ หากคุณเป็นมะเร็ง คุณก็ทำอะไรไม่ได้ มันไม่เป็นความจริงเลย และในทางกลับกัน ยังมีอีกหลายสิ่งที่คุณสามารถทำได้เพื่อป้องกันไม่ให้เป็นโรคตั้งแต่แรก ดังนั้นมะเร็งปากมดลูกจึงรักษาได้ง่ายกว่ามากเพราะเป็นอวัยวะภายนอก

อดิเทพ : ขอบคุณครับคุณหมอ ขอสอบถามเรื่องวัคซีนเด็กอื่นๆครับ คุณหมอบอกหลายครั้งแล้ว จริงๆแล้วในการสัมภาษณ์ครั้งก่อน…คุณหมอยังบอกด้วยว่าไม่ควรฉีดวัคซีนใดๆ เลย ยกเว้น … เวลาโดนสุนัขหรือแมวกัด

ดร.เชอร์รี เทนเพนนี : คุณมีความจำดี 555

อดิเทพ : 555 .. แต่แล้ว.. พ่อแม่ยังคงกลัว… ว่าแต่ เนื้อหาของคุณหมอคือ.. คนไทยรักคุณมาก คุณหมอมีฐานแฟนคลับจำนวนมากในประเทศไทย พวกเขาใช้เนื้อหาและงานวิจัยของท่านเพื่อส่งให้ผู้อื่นทราบเกี่ยวกับอันตรายของวัคซีนและความปลอดภัยในการไม่ฉีดวัคซีน ดังนั้นเมื่อรู้ว่าวัคซีนมีอันตราย มักจะมีคำถามเหล่านี้อยู่เสมอ เช่น .. วัคซีนนี้เป็นยังไงบ้าง วัคซีนวัณโรคเป็นอย่างไร… วัคซีนโน้นเป็นอย่างไร .. วัคซีนนั้นเป็นอย่างไร.. ตราบใดที่เราไม่พูดถึงวัคซีนแต่ละชนิดทีละอัน ความกลัวยังอยู่เสมอ ผมเลยคิดว่าจะหยิบวัคซีนมาทีละตัว และขอรบกวนท่านแสดงความคิดเห็น 1-2 นาที สำหรับวัคซีนแต่ละตัว มันจะละเอียดหน่อย แต่มันจะขจัดความกลัวออกไปให้หมดเสียที

ดร. เชอร์รี เทนเพนนี : ฉันจะพยายามทำให้ดีที่สุดค่ะ

อดิเทพ : ขอบคุณครับ

วัคซีนในเด็ก (วัคซีนเล่มชมพู)

อดิเทพ : ในไทย เรามีสมุดสีชมพูซึ่งเป็นแนวทางสำหรับผู้ปกครอง ในการฉีดวัคซีนให้ลูกๆ ผมจะหยิบมาทั้งหมด

1. วัคซีน บีซีจี BCG

อดิเทพ : มีวัคซีน บีซีจี BCG ผมรบกวนท่านแสดงความคิดเห็นได้ไหมครับ

ดร. เชอร์รี เทนเพนนี : ฉันไม่ได้ใช้เวลากับ BCG มากนักเพราะพวกเขาไม่ได้ใช้มันในสหรัฐอเมริกา แต่ส่วนที่ฉันศึกษามา แสดงให้เห็นชัดเจนว่า มันไม่ได้ป้องกันวัณโรค อีกอย่างนึง.. เขาฉีดให้เด็กตั้งแต่แรกเกิด และฉันรู้ว่าในหลายประเทศ โดยเฉพาะในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มันเป็นข้อกำหนด มันควรจะหยุดการแพร่เชื้อ แต่ก็ไม่ได้หยุดการติดเชื้อ ฉันคิดว่าพวกเขาพัฒนาวัคซีนในปี 1940 หรืออาจจะก่อนหน้านั้น และพวกเขาก็ยังใช้มันอยู่โดยไม่เปลี่ยนแปลงอะไร ไม่ได้อัปเดตอะไรเลย จากสิ่งที่ฉันจำได้จากการอ่านเรื่องวัคซีนนี้ ไม่ได้ช่วยป้องกันการติดเชื้อวัณโรค

อดิเทพ : แปลว่ามันไม่ได้ผลใช่ไหมครับ

ดร. เชอร์รี เทนเพนนี : มันไม่ได้ผลทั้งหมดเลยคะ จริงๆ 

2. วัคซีนป้องกันไวรัสตับอักเสบ บี

ดร. เชอร์รี เทนเพนนี : วัคซีนป้องกันไวรัสตับอักเสบบี นั่นเป็นเรื่องที่ยาว ฉันจะพูดสั้นๆ โรคตับอักเสบบีคือการติดเชื้อที่แพร่ระบาดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ผู้หญิงจำนวนมากเป็นโรคตับอักเสบบี มันคือ… มันเป็นสองสถานการณ์ที่แตกต่างกัน

1) แม่ไม่มีโรคตับอักเสบบี แต่พวกเขา (วงการยา) ต้องการให้วัคซีนแก่ทารก เพราะพวกเขาคิดว่าทารกจะติดเชื้อจากที่ไหนสักแห่ง นั่นไม่ใช่เรื่องดีที่จะทำ อันที่จริงฉันพูดตั้งแต่วัคซีนออกมาในปี 1991 ฉันพูดว่าถ้าฉันรวยและไม่มีอะไรทำ  ฉันจะใช้เวลาที่เหลือทั้งชีวิตเพื่อพยายามกำจัดวัคซีนตัวนี้ เพราะมันเป็นพิษ มันสร้างความเสียหาย และไม่จำเป็นเลย 

2) ทีนี้ถ้าแม่เป็นโรคตับอักเสบบี มีข้อสันนิษฐานว่าทารกจะติดเชื่อจากแม่โดยอัตโนมัติ ผ่านรกและทารกจะติดเชื้อตับอักเสบบีออกมา และผลการวิจัยพบว่า นั้นไม่เป็นความจริง อันที่จริง รกจะช่วยปกป้องทารกจากการติดโรคตับอักเสบบี  ดังนั้นพวกเขาต้องการให้ลูกน้อยของคุณเข้ารับการรักษาครั้งใหญ่โดยใช้  แอนติบอดี Hep B Ig (โกลบูลินภูมิคุ้มกันโรคตับอักเสบบี) ซึ่งพวกเขาเรียกว่า (HBIG) [Hep B Ig ( Hepatitis B immune globulin)  antibody (HBIG) ] และพวกเขาทำสิ่งต่างๆ มากมายกับเด็กๆ เหล่านั้น 

หากแม่ของพวกเขาตรวจพบเชื้อไวรัสตับอักเสบบีล่วงหน้า นั่นเป็นเรื่องยาว ฉันไม่อยากใช้เวลาที่เหลือคุยแต่เรื่องนี้ แต่ถ้าพ่อแม่หรือคนในครอบครัวหรือคนใกล้ชิด ‘ไม่เป็น’ ตับอักเสบบี ลูกของคุณไม่จำเป็นต้องเป็นตับอักเสบบี โรคตับอักเสบบีเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ไม่ได้ติดต่อทางอากาศ  มันไม่แพร่เชื้อทางน้ำลาย หรือผ่านการใช้แปรงสีฟันร่วมกัน แม้ว่าพวกเขาจะบอกคุณแบบนั้นก็ตาม มันเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ที่ติดต่อโดยการมีเพศสัมพันธ์ หรือ ใช้เข็มที่ปนเปื้อนร่วมกัน และฉันไม่คิดว่าทารกแรกเกิดของคุณจะทำอะไรพวกนั้น ดังนั้น จึงไม่ใช่วัคซีนที่จำเป็น

3. วัคซีน DTP

ดร. เชอร์รี เทนเพนนี : วัคซีน DTP มีมา … หากเขาใช้วัคซีนเซลล์ทั้งหมด (Whole Cell) ในวัคซีนโรคไอกรน ในประเทศไทย นั่นจะเป็นวัคซีนที่แย่กว่าอีก วัคซีนโรคคอตีบ… อุบัติการณ์ของโรคคอตีบทั่วโลกเกือบเป็นศูนย์

โรคบาดทะยักมาจากบาดแผลที่ปนเปื้อน ซึ่งพบได้บ่อยในแอฟริกา เพราะอะไรบางอย่างในวัฒนธรรมของพวกเขา สิ่งที่พวกเขาทำคือ เมื่อทารกเกิด พวกเขาตัดรกออก พวกเขาจะใช้ขี้วัวปิดข้างเด็ก ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตามที่พวกเขาคิดว่ามันเป็นสิ่งที่ดี แต่วัวและม้าเป็นพาหะที่ดีของแบคทีเรีย คลอสทริเดียม (Clostridium) ซึ่งเป็นสาเหตุของบาดทะยัก และเพราะแผลสดและมีเลือดไหล สปอร์นั้นอาจเข้าไปในทารก และทำให้เกิดสิ่งที่เรียกว่า ‘บาดทะยักในทารกแรกเกิด’ ‘Neonatal Tetanus’ ซึ่งอันตรายถึงชีวิตอย่างมากและสม่ำเสมอ แต่คุณจะเห็นสิ่งนี้เฉพาะในกลุ่มประชากรนั้นเท่านั้น

ดังนั้นบริษัทวัคซีนจึงตัดสินใจว่า แม้ว่าโรงพยาบาลสมัยใหม่จะตัดรกด้วยมีดหรือกรรไกรที่ปลอดเชื้อ และบางครั้งก็เย็บที่ปลายรกด้วย และอาจใส่ยาปฏิชีวนะ แต่ไม่ใช่ขี้วัว ทารกจะไม่เป็นโรคบาดทะยักทารกแรกเกิด วัคซีนจึงไม่จำเป็นจริงๆ 

วัคซีนโรคไอกรนทั้งเซลล์ (Whole Cell) เป็นวัคซีนดั้งเดิมที่ผลิตขึ้นในช่วงทศวรรษปี ค.ศ. 1920 นั่นคือวัคซีน ทั้งเซลล์ (Whole Cell) ที่พวกเขาใช้แบคทีเรียไอกรน ซึ่งทำให้เกิดอาการอักเสบอย่างมาก

และเป็นเวลา 60ปี … 60ปี ทุกปีจะมีการศึกษาวิจัย 2 หรือ 3 หรือ 4 ฉบับใหม่ออกมา ที่แสดงให้เห็นว่า วัคซีนไอกรนทั้งเซลล์ (Whole Cell) ทำให้สมองถูกทำลาย ที่อเมริกาเลิกใช้ทั้งเซลล์ (Whole Cell) ไปแล้ว หันมาใช้ แบบเซลล์ลูล่าร์ (Cellular) ซึ่งกำจัดส่วนที่ก่อการอักเสบที่มาจากผนังเซลล์ของแบคทีเรีย เขาเปลี่ยนจากเซลล์ทั้งหมด (Whole Cell) ซึ่งก็คือส่วน wp (วัคซีน DTwp)ในปี 2000 ซึ่งก็คือ 20 ปีที่แล้ว และใช้เฉพาะไอกรนแบบเซลล์ลูล่าร์ (Cellular) เท่านั้น จากนั้นมา

มันยังสามารถทำลายสมองและทำให้เกิดการอักเสบได้ แต่โอกาสเกิดน้อยกว่ามาก หากคุณอยู่ในประเทศไทยและถูกบังคับให้รับวัคซีน DTP  ให้ขอวัคซีนแบบเซลล์ลูล่าร์ (Cellular) เพราะแบบทั้งเซลล์ (Whole Cell) จะสร้างความเสียหายได้มากกว่ามาก

ดร. เชอร์รี เทนเพนนี : หน้านี้คือวัคซีนผสม และเหตุผลที่พวกเขาพัฒนาวัคซีนผสม… น่าจะเป็นช่วงปี 2000… พ่อแม่เริ่มรู้ทันเรื่องวัคซีน ในความเป็นจริงประมาณปี 2013 – 2014 (2556 – 2557) เขาผ่านกฏหมายใหม่ ยึดสิทธิ์ประชาชนในการปฏิเสธวัคซีนในแคลิฟอร์เนียปี 2015 (2558) เพราะพ่อแม่จำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ ปฏิเสธวัคซีน หรือไม่ก็คัดเลือกว่าจะให้ลูกรับวัคซีนตัวไหนบ้าง หรือพวกเขาต้องการกระจายออกไปมากกว่านี้  “โอเค ฉันยอมให้ลูกฉีดวัคซีน แต่ไม่ต้องการให้ฉีด 7 เข็มในวันเดียว” อุตสาหกรรมยาเลยบอกว่า ว้าว แทนที่จะฉีดวัคซีน 7 เข็มให้เด็ก… ถ้าเรารวมวัคซีน 7 เข็มรวมเป็น 1 เข็ม พ่อแม่คงคิดว่าลูกได้รับวัคซีนเพียง 1 เข็มเท่านั้น แต่ในความเป็นจริง พวกเขากำลังได้รับวัคซีนหลายตัว แต่ฉีดเพียงครั้งเดียว นั้นคือวัคซีนผสมเหล่านี้ เช่นอันแรกด้านบน  (DTP-HB-Hib) นั้นคือที่มาที่ไป

ดร. เชอร์รี เทนเพนนี : คุณต้องการให้ฉันพูดถึงอะไรต่อค่ะ

อดิเทพ: เอ่อ..ผมจะไปอันต่อไปครับ..ตัวที่ 4. ​เบอร์ 4 ครับ จนถึงตอนนี้ ตำตอบคือ ‘ไม่’ สำหรับวัคซีนทั้งหมดใช่ไหมครับ ยกเว้นอันที่ 2 (วัคซีนตับอักเสบ บี) ซึ่งมันซับซ้อน และ ต้องการการวิจัยเพิ่มเติม

ดร. เชอร์รี เทนเพนนี : เราต้องการการสนทนาเพิ่มเติม ฉันมีหลักสูตรทั้งหมดบนเรื่องนี้ใน learning4you.org ไม่ใช่ภาษาไทย เป็นภาษาอังกฤษ มีหลักสูตรทั้งหมดเกี่ยวกับวัคซีนตับอักเสบบี มันเป็นการสนทนาที่ยาว พูดคุยเป็นชั่วโมงเพียงเรื่องเดียว 

4. วัคซีน Hib 

อดิเทพ: ผมเข้าใจครับ
ต่อไป ตัวที่ 4 คือ วัคซีน Hib 

ดร. เชอร์รี เทนเพนนี : นั่นคือการติดเชื้อของแบคทีเรีย วัคซีนถูกนำเข้าสู่ตลาดในปี พ.ศ. 2534 (1991) ในสหรัฐอเมริกา มันคือแบคทีเรียชนิดนี้ ที่เป็นสาเหตุที่พบบ่อยที่สุดที่ทำให้เกิด การติดเชื้อที่หูและเยื่อหุ้มสมองอักเสบในเด็กอายุต่ำกว่า 2 ปี

เมื่อพวกเขาเริ่มใช้วัคซีน พวกเขาก็กำจัดแบคทีเรียนั้นออกไป ฉันหมายความว่า มัน (แบคทีเรีย) ไม่ได้มีอยู่อีกด้วยซ้ำ มันถูกกำจัดไปแล้ว วัคซีนไม่จำเป็นแล้ว คุณรู้ไหมในอินเดีย..เมื่อ 5-6 ปีที่แล้ว อาจจะนานกว่านั้นนิดหน่อย มูลนิธิเกตส์ต้องการฉีดวัคซีน Hib จำนวนมากในอินเดีย และกุมารแพทย์ไม่ยอม (ดีสำหรับพวกเขา) และบอกว่า 

” ไม่ เราจะไม่ทำอย่างนั้น ไม่มีเหตุผลใดที่เด็กเหล่านี้จะได้รับวัคซีนนี้ นี่ไม่ใช่เชื้อที่ติดกันในประชากรของเรา มันไม่ใช่วัคซีนที่จำเป็นจริงๆ” 

พวกเขาปฏิเสธและไม่อนุญาตให้มีการฉีด

นี่คืออีกสิ่งหนึ่งที่ฉันต้องการชี้ให้เห็นเกี่ยวกับวัคซีน เมื่อวัคซีนได้ไปอยู่บนตารางการฉีดสำหรับเด็กแล้ว แม้ว่าเชื้อจะหมดไปแล้วก็ตาม เช่นโรคอีสุกอีใส แม้ว่าไวรัสโรคอีสุกอีใสจะเป็นเพียงชนิดเดียวที่เป็นพาหะของโรคอีสุกอีใส และวัคซีนโรคอีสุกอีใสออกมาในปี พ.ศ. 2538 (1995) และถึงแม้จะไม่อยู่แล้วก็ตาม เด็กๆ ไม่เป็นโรคอีสุกอีใสอีกแล้วก็ตาม พวกเขายังคงมันไว้ เด็กๆ ยังได้รับวัคซีน 2 เข็ม

เมื่อมีการผลิตวัคซีนและได้ไปอยู่ในเล่มแล้ว จะไม่มีการถอนออก ไม่ว่ามันจะจำเป็นหรือไม่ก็ตาม ไม่ว่าเชื้อจะยังคงอยู่หรือไม่ก็ตาม

5. วัคซีนโปลีโอ

ดร. เชอร์รี เทนเพนนี : โปลิโอ..มีเพียง 4 ประเทศในโลกที่ยังมีโรคโปลิโอและเป็นประเทศยากจน และทำไม.. อีกแล้ว.. เช่นสหรัฐฯ​ ไม่มีโรคโปลิโอมาตั้งแต่ปี 2534 (1991) แต่เด็กๆ ที่นี่ ยังคงได้รับวัคซีนโปลิโอ 5 เข็ม ประเทศที่มีร่องรอยของโรคโปลิโอในโลก ฉันคิดว่าอัฟกานิสถาน ตอนเหนือของปากีสถาน และอาจมีเพียง 5 เคสต่อปี แต่เราก็จะมอบวัคซีนให้ล้านๆคน

และนั่นคือการสนทนาอีกเป็นชั่วโมง โปลิโอไม่ใช่คำพ้องของอัมพาต/พิการ แม้ช่วงที่ยังมีโรคโปลิโอเกิดขึ้นมาก 98% ของผู้ติดเชื้อโปลีโอ หายจากโรคได้และไม่มีอาการเป็นอัมพาต/พิการเลย เราทำให้พ่อแม่กลัวจนคิดว่าโปลิโอเป็นคำพ้องของอัมพาต แต่มันไม่ใช่

ในอินเดีย.. ประเทศอันกว้างใหญ่.. เมื่อพวกเขาทำให้อินเดียปลอดโรคโปลิโอ (ด้วยวัคซีน) ถัดไป 3-5 ปี พวกเขาติดโรคคล้ายโปลิโอซึ่งอันตรายถึงชีวิตมากขึ้น แล้วกุมารแพทย์ในอินเดียก็ออกมาบอกว่า ‘’ทำไมเราถึงทำเช่นนี้” ก่อนหน้านี้ ที่เรามีโรคโปลิโอ เราจะมีเด็กไม่กี่คนต่อปี ที่เป็นอัมพาตระยะสั้น นั่นเป็นอีกหัวข้อหนึ่ง เมื่อเด็กๆ มีอาการอัมพาตที่ขาข้างใดข้างหนึ่ง ส่วนใหญ่จะฟื้นตัวภายในเวลา 2 ปี  ดังนั้นคุณจะมีจำนวนเด็กน้อยมากที่จะเป็นอัมพาตตลอดชีวิต

มัน (โปลีโอ) ไม่ใช่คำพ้องของอัมพาต มัน (วัคซีน) ไม่จำเป็น

6. วัคซีนโรต้า

ดร. เชอร์รี เทนเพนนี : ไวรัสโรต้าเป็นไวรัสอีกชนิดหนึ่งที่เด็กทุกคนจะติดได้เมื่ออายุ 2 ขวบ เชื้อมันมาและไป เด็กๆ จะท้องเสียเป็นเวลาสองสามสัปดาห์ คุณปฏิบัติด้วยของเหลว คุณให้พวกเขาอาหารอ่อน ดูแลความเสี่ยงของภาวะขาดน้ำ เขาจะฟื้นตัวเต็มที่และมีภูมิคุ้มกันตลอดชีวิต เด็กเกือบทุกคนมีการติดเชื้อนี้ซักช่วงในชีวิต วัคซีนโรต้า ไม่จำเป็น ฉันคิดว่าเป็น Rotatrix ที่ถูกนำออกจากตลาด เพราะว่า มันทำให้เกิดปัญหาร้ายแรง

7. วัคซีนหัด คางทูม และหัดเยอรมัน

ดร. เชอร์รี เทนเพนนี : วัคซีนหัด คางทูม และหัดเยอรมันเป็นอีกเรื่องหนึ่งที่เราสามารถพูดคุยกันได้เป็นชั่วโมง แต่สิ่งสำคัญคือ.. โรคหัดไม่เป็นอันตรายถึงชีวิต “ไม่อันตราย” และฉันต้องการเน้นย้ำให้ผู้ชมของคุณ คางทูมและหัดเยอรมัน “ไม่” เป็นอันตรายถึงชีวิต เป็นเพียงการติดเชื้อเล็กน้อย ฉันไม่แน่ใจด้วยซ้ำว่าทำไมเราถึงฉีดวัคซีนป้องกันพวกมัน โรคหัด คือ ไข้ ไอ ผื่น น้ำตาไหล ไข้สูง มาแล้วไปใน 2 สัปดาห์ จะมีภูมิคุ้มกันตลอดชีวิต และหากเด็กหญิงติดเชื้อหัด เธอก็จะมีภูมิคุ้มกันไปตลอดชีวิต เมื่อโตขึ้นแล้วมีลูก แอนตี้-บอดี้ จะอยู่ในน้ำนมที่ช่วยปกป้องลูกน้อยของเธอ การฉีดวัคซีนป้องกันไม่ให้เด็กเป็นโรคหัด เมื่ออายุมากขึ้นจะไม่ผลิตแอนติบอดีในน้ำนมแม่ เมื่ออายุมากขึ้นเขาจะไม่ผลิตแอนติบอดีในน้ำนมแม่เพื่อปกป้องลูกของเขา หรือแอนติบอดีที่ผลิตขึ้นก็ตาม จะมีข้อบกพร่อง พวกมันไม่ป้องกันการติดเชื้อ 

8. วัคซีนไข้สมองอักเสบญี่ปุ่น

ดร. เชอร์รี เทนเพนนี : เราไม่ได้ใช้วัคซีนนี้เลยในสหรัฐอเมริกา พวกเขาฉีดให้เฉพาะทหาร ขึ้นอยู่กับว่าพวกเขาจะไปประเทศไหน ฉันไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเรื่องนั้นเลยจริงๆ 

9. วัคซีนไข้หวัดใหญ่

ดร. เชอร์รี เทนเพนนี : วัคซีนไข้หวัดใหญ่ใช้งานไม่ได้.. จบ  มันไม่ได้ผลอย่างแน่นอน…ไม่เคยเลย วัคซีนนี้ยังคงมีสารปรอทอยู่ ดังนั้นคุณได้รับสารปรอท เพื่อป้องกันสิ่งที่มันป้องกันไม่ได้

10. และวัคซีน HPV เราก็พูดถึงเรื่องนี้ไปแล้ว

อดิเทพ : ขอบคุณครับ ดร. เชอร์รี เทนเพนนี วันนี้ผมใช้พลังงานของท่านไปเยอะเลย ผมมีคำถามจะถาท่านอีกนิดหน่อยครับ เรื่อง ‘วัคซีน’ โควิด มีสิ่งที่เรียกว่า White Clot ไวท์คล็อท อยู่ในคนในหลอดเลือด ก้อนสีขาวๆ เยลลี่อะไรสักอย่าง

ดร.เชอร์รี่ เทนเพนนี : อ๋อ ใช่ๆๆ … ลิ่มเลือด

อดิเทพ : ครับ สิ่งนี้เพิ่งออกสื่อไทยไม่นานนี้เอง

ดร.เชอร์รี่ เทนเพนนี : เพิ่งมาหรือค่ะ? คุณล้อเล่นหรือเปล่า?

อดิเทพ : จริงครับ.. แล้วคนก็กลัวกันมาก แต่ อย. และหมอในไทยอื่นๆ ออกมาบอกว่าเรื่องนี้เป็นข่าวปลอม เขาบอกว่าเป็น postmortem clot (โพสโมเตม คอต ) ช่วยบอกความแตกต่างระหว่าง…

ดร.เชอร์รี่ เทนเพนนี : …. ไม่มีสิ่งที่เรียกว่าลิ่มเลือดหลังการชันสูตรพลิกศพ หรือ postmortem clot (โพสโมเตม คอต ).. นั่นคือสิ่งที่พวกเขาสร้างขึ้น 5555 พวกเขาปลอมแปลงความจริง

ความจริงคือ ยาฉีด (วัคซีน) โควิดไปสร้างอะไรบางอย่าง…เหมือนคอลลาเจนหนาๆที่เรียกว่าอะไมลอยด์ (Amyloid) อะไมลอยด์รวมตัวกันทำให้เกิดสิ่งที่เหนียวเหนอะหนะ มันเป็นสิ่งที่เหนียวๆ ในเลือดของคุณ และพวกมันจะแข็งตัวและก่อตัวเป็นลิ่มเลือด พวกเขาพบสิ่งเหล่านี้ ส่วนใหญ่อยู่ในคนที่… ลิ่มเลือดสีขาวไวท์คล็อทที่คุณพูดถึง… หลังจากที่มีคนเสียชีวิต และพวกเขาได้ทำการชันสูตรศพแล้วพวกเขาก็ดึงลิ่มเลือดเหนียวๆ สีขาว ยาวๆ ออกมา ซึ่งส่วนใหญ่ทำจากอะไมลอยด์ เพราะยาฉีดโควิดนี้ทำให้เกิดความผิดปกติของการแข็งตัวของเลือด และยังสร้างโปรตีนแปลกปลอมและโปรตีนแปลกปลอมจะเหนียวและเกาะติดกัน พวกมันก่อตัวเป็นก้อน

พวกเขาเรียกสิ่งนี้ว่าเป็น postmortem clot (โพสโมเตม คอต )เหรอ? พวกเขากำลังประดิษฐ์ พวกเขากำลังโกหก คุณรู้ไหมว่าในอเมริกา เวลาที่เขาถามว่าคุณรู้ได้อย่างไรว่านักการเมืองกำลังโกหก คำตอบคือ เพราะริมฝีปากของเขาขยับ มันเหมือนกับว่าถ้าเขาพูดเขาก็โกหก นั่นแย่มากจริงๆ แย่มากจริงๆ มันเป็นการโกหกที่โจ่งแจ้ง ซึ่งหน้า ไม่ใช่แค่การโกหกที่ละเอียดอ่อนเท่านั้น มันเป็นเรื่องโกหกที่โจ่งแจ้ง

ส่วนเรื่องลิ่มเลือดเกิดขึ้นโดยทันที ก่อนหน้านี้เมื่อมีการฉีดวัคซีนโควิด ซึ่งน่าจะประมาณเดือนมกราคม 2564 มีผู้เสียชีวิต… ผู้คนจำนวนมากเสียชีวิตภายใน 48 ชั่วโมงแรกหลังเกิดลิ่มเลือดในปอด ลิ่มเลือดในหัวใจ ลิ่มเลือดในสมองซึ่งเรียกว่าโรคหลอดเลือดสมอง จึงมีกลุ่มคนที่เสียชีวิตภายใน 24 ถึง 48 ชั่วโมงจำนวนมาก เราจึงได้รู้ว่าการฉีดยาจะทำให้เลือดอุดตันตั้งแต่แรก ดังนั้นสำหรับเรื่องนี้ที่เพิ่งเกิดขึ้นและทำให้พวกเขาโกหกว่านี่คือลิ่มเลือดหลังชันสูตร postmortem clot (โพสโมเตม คอต) … มันค่อนข้างตลก ฉันจะจำมันไว้เพราะมันค่อนข้างไร้สาระ

อดิเทพ : หมอไทยทุกคนก็พูดแบบนี้ครับ แล้วเราจะ…ทำอย่างไรตอนนี้? ในประเทศไทยตอนนี้ผู้คนจำนวนมากกำลังดื่มสารละลายคลอรีนไดออกไซด์ จริงๆ แล้ว ผมได้สัมภาษณ์ ดร. Andreas Kalcker และท่านบอกว่าสิ่งนี้สามารถช่วยได้

ในวิดีโอรายการหนึ่งของคุณหมอ ผมเห็นท่านพูดถึงสารละลายคลอรีนไดออกไซด์ ผมอยากทราบความคิดเห็นของท่านเกี่ยวกับเรื่องนี้

ดร. เชอร์รี่ เทนเพนนี : ฉันไม่รู้ว่าฉันพูดถึงเรื่องนั้นมากเพราะฉันไม่รู้อะไรมากมายเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่มีสองคนที่พูดมากเกี่ยวกับเรื่องนี้และพวกเขาก็รู้ว่าพวกเขาพูดอะไร มันมีประสิทธิภาพมาก คือ ดร. ลี เมอร์ริตต์ และเธอมีข้อมูลมากมายบนเว็บไซต์ของเธอ ซึ่งก็คือ medicalrebel.com และทนายความที่ฉันทำงานด้วย ชื่อของเขาคือ Todd Calendar เขาเป็นคนที่ค่อนข้างโด่งดัง เขามีวิดีโอมากมายที่มีรายการทุก วันศุกร์และเขาบอกว่าคลอรีนไดออกไซด์รักษามะเร็งของเขาให้หายเมื่อหลายปีก่อน เขาเป็นมะเร็งกระดูกประเภทหนึ่งที่น่าจะถึงแก่ชีวิต และเมื่อเขาเริ่มใช้คลอรีนไดออกไซด์ เขาก็หาย

ฉันรู้ว่าสองคนนี้พูดถึงมันบ่อย มันได้ผลมากจนการพูดถึงสิ่งนี้ในสหรัฐอเมริกา FDA อย ของเราปิดการสื่อสารทั้งหมดเกี่ยวกับสิ่งที่ได้ผลจริงๆ เช่น ไอเวอร์เมกติน ไฮดรอกซีคลอโรควิน และคลอรีนไดออกไซด์ ฉันไม่รู้มากพอที่จะพูดถึงเรื่องนี้แบบเฉพาะเจาะจงต่อหน้าผู้ฟังของคุณ หากพวกเขาต้องการทราบข้อมูลเพิ่มเติม พวกเขาสามารถค้นหา Todd Calendar หรือค้นหา Dr. Lee Meritt เธอทำหลักสูตรเกี่ยวกับคลอรีนไดออกไซด์ใน Learningforyou.org ในเว็บไซต์ในเครือซึ่งเป็นเว็บไซต์การศึกษาของเรา มีหลักสูตรทั้งหลักสูตรซึ่งเป็นหนึ่งในหลักสูตรยอดนิยมที่สุดของเราที่ผู้คนดาวน์โหลดและฟังข้อมูลหนึ่งชั่วโมงเต็มจาก Dr. Merritt เกี่ยวกับคลอรีนไดออกไซด์

อดิเทพ : ขอบคุณครับคุณหมอ. ตอนนี้ผมเกือบจะถามเสร็จแล้ว ผมมีคำถามสั้นๆ จากผู้ฟัง ผมโพสต์บนโซเชียลของผม คนแสดงความคิดเห็นมากมาย

มีคนถามว่า ลูกๆ ของเธอได้รับวัคซีนเหล่านี้หมดแล้ว เราจะดีท็อกซ์ได้อย่างไร? หมายถึงวัคซีนสำหรับเด็กครับ

ดร.เชอร์รี่ เทนเพนนี : คุณรู้ไหมว่าสิ่งสำคัญที่ต้องกังวลคืออลูมิเนียมและสารปรอท และไม่รู้.. ประเทศไทยมีวิตาหาซื่อง่ายหรือไม่? คุณสามารถหาซื้อผลิตภัณฑ์ที่มี EDTA แบบรับประทานเข้าไปได้หรือไม่? EDTA ซึ่งจะดึงอะลูมิเนียมและปรอทออกมา และหากบุตรหลานของคุณมีผลข้างเคียงใดๆ จากวัคซีน เราพบว่าในช่วงหลายปีที่ผ่านมา โฮมีโอพาธีย์แบบคลาสสิกทำงานได้ดีจริงๆ ในการควบคุมระบบร่างกายใหม่ จากวัคซีนต่างๆ ทั้งหมดที่พวกเขาทำ เคยเป็นเช่นนั้น ฉันคิดว่านักชีวจิตค่อนข้างแพร่หลายในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ฉันรู้ว่าพวกเขามีโรงพยาบาลชีวจิตหลายแห่งในอินเดีย ดังนั้นระหว่าง EDTA แบบรับประทาน ไลฟ์สไตล์ที่สะอาด และโฮมีโอพาธีย์ ซึ่งน่าจะช่วยกำจัดสิ่งที่ไม่พึงประสงค์บางอย่างที่อยู่ในวัคซีนได้ค่ะ

อดิเทพ : มีมาตรการดีท็อกซ์โลหะหนักและผลิตภัณฑ์สมุนไพรอยู่บ้าง คุณมีข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องนี้ไหมครับ?

ดร. เชอร์รี่ เทนเพนนี : ไม่ ฉันไม่ค่อยใช้เวลากับเรื่องนั้นมากนัก

อดิเทพ : โอเคครับ ขอบคุณครับ เสร็จแล้ว ขอบคุณมากครับ ดร.เชอร์รี่ เทนเพนนี

ดร.เชอร์รี่ เทนเพนนี : เสร็จแล้วเหรอ? 555 ฉันคิดว่าเราคุยกันได้อีกสองสามชั่วโมงนะ

อดิเทพ : 555…ผมมีเรื่องจะคุยกับคุณหมอหลายอย่าง แต่ผมเกรงใจว่าผมจะใช้เวลาคุณหมอมากเกินไป

ดร. เชอร์รี่ เทนเพนนี : เราสามารถนัดพูดคุยอีกครั้งได้ถ้าคุณต้องการ ถ้าคุณต้องการกลับมา และเราสามารถทำเช่นนี้ได้อีกครั้งหากคุณรู้สึกว่าจำเป็นและต้องการทำ

อดิเทพ : ตอนนี้สิ่งสำคัญคือผู้คนตระหนักเกี่ยวกับยาฉีดโควิด (วัคซีน) สิ่งหนึ่งที่ไม่ดีเกี่ยวกับประเทศไทยคือผู้คนรู้ข้อมูลนี้ช้ามาก ผมรู้สึกแย่แทนผู้คนเพราะว่าพวกเขาไม่รู้อะไรเลย มันไม่ใช่ความผิดพลาดของพวกเขา ไม่ใช่ว่าพวกเขาได้ยินแต่พวกเขาไม่เชื่อ หลายคนไม่ได้ยินแม้แต่คำพูดใด ๆ เกี่ยวกับข้อบกพร่องของการยานี้ ปัจจุบันคนไทยจำนวนมากรับประทาน CDS และยาสมุนไพรไทยบางรายก็มีผลิตภัณฑ์สมุนไพรบางชนิด (เพื่อดีท็อกซ์วัคซีนโควิด) นั่นเป็นเพียง 2 ทางออก

ในประเทศไทยเรามีอัตราการเสียชีวิตส่วนเกินสูงมากเช่นกัน และผู้คนตระหนัก ประชาชนวิตกกังวลและหวาดกลัว และความหวังของเราคือ CDS และสมุนไพร

ดร.เชอร์รี่ เทนเพนนี : โฮมีโอพาธีย์พบได้ทั่วไปในไทยเหมือนในอินเดียไหมค่ะ?

อดิเทพ : จริงๆ แล้วมีคนพูดถึงเรื่องนี้เยอะครับแต่ไม่ดังมากเมื่อเทียบกับ CDS มันเป็นการแข่งขันประเภทหนึ่งและ CDS ก็เป็นผู้นำ โฮมีโอพาธีย์..คนใช้แต่ไม่ค่อยนิยม

ดร. เชอร์รี่ เทนเพนนี : CDS ช่วยได้จริงๆ ฉันหมายความว่ามันเป็นสิ่งที่ดีจริงๆ โฮมีโอพาธีย์จากมุมมองของโฮมีโอพาธีแบบคลาสสิก จะจัดพันธุกรรมของคุณใหม่มากขึ้นหากวัคซีนของคุณก่อกวน เช่นการฉีดวัคซีนโควิด ซึ่งรบกวนพันธุกรรมของคุณอย่างมาก ฉันคิดว่าโฮมีโอพาธีย์อาจช่วยได้ มันจะไม่เป็นแบบสแตนด์อโลน เราจะใช้ CDS และโฮมีโอพาธีย์ ดังนั้นคุณจึงทำงานจากสองมุมมองที่แตกต่างและแตกต่างอย่างสิ้นเชิง
CDS ทำงานจากเคมี และโฮมีโอพาธีย์ทำงานจากพลังงาน ดังนั้น คุณมีสองวิธีในการทำงานร่วมกันเพื่อทำให้สิ่งต่างๆ ดีขึ้น ไม่ใช่อย่างใดอย่างหนึ่ง

อดิเทพ : เข้าใจแล้วครับ

ดร.เชอร์รี่ เทนเพนนี : ฟังดูเข้าท่ามั้ย?

อดิเทพ : ครับคุณหมอ แล้วโบรอนกับบอแรกซ์ล่ะครับ เพราะคนเอามาใช้เพื่อกำจัดโลหะหนัก…

ดร.เชอร์รี่ เทนเพนนี :… โอ้ว

อดิเทพ : …และกราฟีน ผู้คนยังพูดถึงบอแรกซ์ ท่านมีความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้ไหมครับ?

ดร.เชอร์รี่ เทนเพนนี : โบรอนหรือบอแรกซ์ เป็นส่วนผสมในวัคซีน Gardasil (วัคซีน HPV) และโบรอนบอแรกซ์ถูกห้ามในสหรัฐอเมริกาเนื่องจากส่งผลเสียต่อสุขภาพ และอาจทำให้การผลิตอสุจิในผู้ชายหยุดชะงัก ถ้าคุณรับมันมากเกินไป

ดังนั้น ฉันเคยแนะนำโบรอนในการปฏิบัติตลอดหลายปีที่ผ่านมา โดยให้มากที่สุด 3 มก. ต่อวัน และเฉพาะในกรณีที่ฉันพยายาม รักษาโรคกระดูกพรุนเพราะมันเป็นสารเคมีที่เป็นพิษ คุณไม่สามารถกำจัดโบรอนได้มากเกินไป ฉันรู้ว่า บางคนใช้มันเป็นแป้ง ฉันคงแนะนำให้ทายไม่เกินสัปดาห์ละครั้งเพราะมันจะไปสะสมในร่างกายและอาจนำไปสู่ภาวะมีบุตรยากได้

อดิเทพ : ดังนั้น ถ้าคุณไม่มีอะไรเฉพาะเจาะจงที่ต้องการรักษา คุณก็ไม่ควรรับประทาน

ดร.เชอร์รี่ เทนเพนนี : (พยักหน้า)

อดิเทพ : เพราะที่นี้คนทานเป็น… ไม่ใช่อาหารเสริม แต่เพื่อให้ตัวเองมีสุขภาพดี

ดร.เชอร์รี่ เทนเพนนี : (ส่ายหน้า)

อดิเทพ : ไม่ควรหรือครับ?

ดร.เชอร์รี่ เทนเพนนี : บางสิ่งอาจส่งผลต่อสุขภาพของคุณได้ บางทีเล็กน้อยก็ดีแต่มากก็แย่ หากคุณใช้เป็นเวลานาน ก็อาจส่งผลเสียมากมาย ฉันจะไม่แนะนำอย่างนั้น หากคุณกำลังทานมัน ฉันจะแนะนำสัปดาห์ละครั้ง แต่มันซึมเข้าสู่ระบบของคุณและสามารถสะสมได้ การรับประทานในปริมาณมากไม่ใช่เรื่องดีเลย สูงสุด 3 มก.
ให้ฉันอ่านสำหรับคุณ ข้อมูลนี้มาจากข้อมูลที่ฉันค้นคว้าเกี่ยวกับโซเดียมบอเรต ซึ่งบอกว่า เมื่อรับประทาน กรดบอเรตหรือกรดบอริกจะรบกวนการผลิตสเปิร์ม สร้างความเสียหายให้กับอัณฑะและรบกวนการเจริญพันธุ์ของผู้ชายในปริมาณที่สูง ยังไม่ทราบผลเต็มรูปแบบของการฉีดกรดบอริกในลักษณะเดียวกับที่อยู่ภายในวัคซีน

เขาบอกว่า ‘ปริมาณสูง’ และฉันไม่รู้ว่าพวกเขาให้คำจำกัดความว่าอะไรคือ ‘ปริมาณสูง’ แต่บอแรกซ์ถูกห้ามในอาหารในสหรัฐอเมริกาเนื่องจากทราบผลที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ ดังนั้นหากคุณบอกว่ารู้สึกดี บางทีคุณอาจจะรู้สึก ดีขึ้นในระยะสั้น แต่ถ้าคุณรับประทานยาในปริมาณที่มากขึ้นในระยะยาว ก็อาจมีผลเสียได้

อดิเทพ : ขอบคุณครับคุณหมอ เชอร์รี่ ผมไม่มีคำถามแล้ว ผมแค่กังวลเกี่ยวกับวัคซีนเพราะคนที่นี่ฉีดกันเยอะมาก ผมรู้จักหมอคนหนึ่ง ผมนั่งอยู่กับท่านและคุณครูอีกท่านหนึ่ง จากนั้นคุณหมอก็แนะนำให้ครูพาเด็กหญิงทุกคนไปฉีดวัคซีน HPV จากนั้นครูคนนี้ก็ไปคุยกับอาจารย์ใหญ่ของโรงเรียน และภายในไม่กี่สัปดาห์ ทั้งโรงเรียนก็ได้รับวัคซีน และเด็กหญิงคนหนึ่งเสียชีวิตในโรงเรียน แต่ในโรงเรียนอื่นไม่ใช่ที่นี่ เด็กหญิงคนหนึ่งเสียชีวิตจริงๆ

ดร.เชอร์รี่ เทนเพนนี : โอ้พระเจ้า ฉันสามารถส่งสำเนาของ PowerPoint นี้ให้กับคุณได้ จากนั้นคุณสามารถดูและเลือกสิ่งที่คุณคิดว่าอาจมีคุณค่าได้ นี่เป็นสไลด์ที่มาจากปี 2008 และรายงานแสดงให้เห็นว่า ผู้เข้าร่วมการทดลองวิจัยวัคซีน HPV (Gardasil) ในการศึกษานี้ มีถึง 73.3% ได้พัฒนาภาวะป่วยใหม่ ผู้คนประมาณ 11,000 คนเกือบ 12,000 คนในการศึกษานี้ พวกเขาพัฒนาความผิดปกติของเลือด ความผิดปกติของระบบทางเดินอาหาร การติดเชื้อ ปัญหาระบบประสาท ความผิดปกติทางจิตเวช โรคไต 24% พัฒนาความผิดปกติของระบบสืบพันธุ์ ซึ่งอย่างที่คุณบอกว่าเมื่อพวกเขาได้รับวัคซีน มันทำให้พวกเขามีแนวโน้มที่จะเกิดปัญหา เช่น มะเร็งปากมดลูกมากขึ้น

พวกเขามีความผิดปกติทางผิวหนัง มีความผิดปกติที่หน้าอก 73% มีเงื่อนไขประเภทอื่นหลังจากได้รับวัคซีน Gardasil ย้อนกลับไปที่สิ่งที่เราพูดเกี่ยวกับการทำให้ผู้คนเป็นลูกค้าตลอดชีวิตอีกครั้ง คุณรู้ไหมว่าพวกเขาให้แคมเปญขนาดใหญ่ที่นุ่มนวลนี้ว่าหากคุณได้รับวัคซีน Gardasil คุณจะไม่เป็นมะเร็ง แม้ว่าคุณฉีดแล้วก็อาจจะเป็นมะเร็งอยู่ดี หรือ ถ้าคุณไม่ได้รับวัคซีน Gardasil คุณก็อาจจะไม่เป็นมะเร็งอยู่ดี แต่ 73% ของคนที่ได้รับวัคซีนนี้จะมีอาการอื่นๆ ที่ทำให้พวกเขาเป็นลูกค้าของบริษัทยาตลอดชีวิต มันเป็นสิ่งที่น่ากลัว มันเป็นเรื่องที่เลวร้ายมากค่ะ

ดังนั้น ขอขอบคุณที่นำสิ่งนี้มาสู่คนของคุณ ฉันมีเพื่อนที่ดีคนหนึ่งที่อาศัยอยู่ในประเทศไทย ฉันสื่อสารกับเขาในแอป Signal ตลอดเวลา และเขาก็บอกฉันว่า…คุณรู้ไหมว่าคนไทยที่นี่พวกเขา…ในความคิดของฉัน พวกเขาใจดี และพวกเขาก็ไร้เดียงสานิดหน่อย พวกเขามีจิตใจดีเหมือนเด็ก พวกเขายอดเยี่ยมมาก คนที่มีจิตใจดี มีจิตวิญญาณสูง และพวกเขา… ฉันคิดว่าพวกเขาถูกกระทำเกินไปจากรัฐบาลของพวกเขา

อดิเทพ : จริงๆ แล้วผมรู้สึกว่าผมรู้ว่าพวกเขากำลังถูกเอาเปรียบจากความน่ารัก ความมีน้ำใจ ความดี…

ดร. เชอร์รี่ เทนเพนนี : … พวกเขามีความอ่อนโยนในจิตวิญญาณในฐานะวัฒนธรรม และคุณก็รู้ และฉันเห็นด้วยกับคุณ ฉันคิดว่านั่นเป็นวิธีที่ดีในการแสดงจุดยืนของพวกเขา… ในแนวโน้มนั้น ในฐานะวัฒนธรรมที่สวยงาม ถูกเอารัดเอาเปรียบโดยบริษัทยาและรัฐบาลของคุณ

อดิเทพ : ใช่แล้ว นั่นคือสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นจริงๆ บางครั้งมันฟังดูเป็นการเผชิญหน้า ถ้าคุณพูดถึงวัคซีนแล้วคุณต่อต้านหมอ บางครั้งมันก็น่ารังเกียจเกินไป แต่ก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากคุณต้องไป คุณต้องเผชิญหน้ากับความคิดเห็นของแพทย์ในบางครั้ง

ดร. เชอร์รี่ เทนเพนนี : ฉันหวังว่าในฐานะชุมชนระดับโลก ผู้คนทั่วโลกจะหยุดคุกเข่าเพื่อแพทย์และยกพวกเขาขึ้นแท่น เพราะพวกเขาเป็นเพียงมนุษย์เช่นเดียวกับคุณและฉัน พวกเขาตื่นนอนตอนเช้าดื่มกาแฟ แปรงฟัน เข้าห้องน้ำ อาบน้ำ และสวมเสื้อผ้า

พวกเขาเป็นเพียงมนุษย์และในตัวคุณก็รู้ว่าพวกเขาอาจมีชุดความรู้เฉพาะทางเพียงเล็กน้อย แต่นักวิทยาศาสตร์ วิศวกร ครู และคนอื่นๆ ทุกประเภทที่ได้ไปโรงเรียนก็เช่นกัน และพวกเขาก็มีความรู้พิเศษเล็กๆ น้อยๆ เราต้องหยุดวางแพทย์ไว้บนแท่นแล้วแค่ไม่สามารถเผชิญหน้าหรือคิดว่าทุกสิ่งที่ออกจากปากพวกเขานั้นถูกต้องเสมอเพราะมันไม่เป็นเช่นนั้น

ฉันหวังว่าผู้คนที่เป็นประชาคมโลก ฉันหมายถึงทั่วโลกที่ผู้คนมองว่าแพทย์ว่าพวกเขาได้รับการศึกษาเฉพาะทางที่พวกเขาเป็น ดังนั้นพวกเขาควรจะมีความรู้ ควรเป็นการปรึกษาระหว่างคุณกับแพทย์ของคุณ ไม่ใช่ความสัมพันธ์แบบแม่ลูก แนวสั่งคุณ คุณควรมีส่วนร่วมที่คุณทำงานร่วมกัน และคุณสามารถพูดกับแพทย์ได้เช่นเดียวกับที่คุณพูดกับทนายความของคุณ.. เช่น ไม่ๆ ฉันมีความคิดเห็นที่แตกต่างออกไป และแพทย์ก็บอกว่า โอเค มาคุยกันเถอะ เรามาตัดสินใจร่วมกันว่าอะไรดีที่สุดสำหรับคุณกันดีกว่า

คุณรู้ไหมว่า ย้อนกลับไปในสมัยโบราณ คำว่าหมอหมายถึงครู ดังนั้นหมอควรจะสอนคุณเกี่ยวกับสุขภาพของคุณควรจะสอนวิธีทำให้ตัวเองดีขึ้น ย้อนกลับไปในสมัยจีนโบราณ คุณจ่ายเงินให้หมอเมื่อสุขภาพคุณแข็งแรง และถ้าคุณป่วย หมอก็ไม่ได้รับเงิน และเราก็เปลี่ยนโมเดลนั้นไป

แพทย์ไม่ได้ทำอะไรเลยเพื่อให้คุณมีสุขภาพแข็งแรง พร้อมทั้งให้ยาและวัคซีนแก่คุณ เมื่อไหร่ที่แม้แต่กุมารแพทย์ยังนั่งคุยกับพ่อแม่เกี่ยวกับเหตุการณ์สำคัญด้านพัฒนาการ .. เหมือนกับในช่วงหลายเดือนนี้ เด็กๆ ควรจะพลิกตัวได้ และนี่คือเวลาที่พวกเขาควรเริ่มพูด นี่คือเวลาที่พวกเขาควรเริ่มคลาน และนี่คือเวลาที่พวกเขาควรเริ่มเดิน และ นี้คือตอนที่เขาควรเริ่มทานอาหารเอง และรู้ว่าลูกของคุณอยู่ที่ไหนบนตารางตัวนั้น และนี่คืออาหารที่ช่วยให้ลูกของคุณมีสุขภาพที่ดีจริงๆ และนี่คือสิ่งที่คุณไม่ควรเลี้ยงลูกของคุณ… พวกเขาไม่ได้ทำอะไรเลย โดยที่พวกเขาปล่อยคุณคิดเอง

หมอไม่ได้เป็นอะไรมากไปกว่าลูกน้อง พวกเขาเป็นลูกน้องของอุตสาหกรรมยา พวกเขาสั่งยาและให้วัคซีน และดุคุณเมื่อคุณทำตัวไม่ดีเหมือนเด็กดี คุณต้องทำสิ่งที่หมอบอก ฉันหวังว่าจะมีวิธีหยุดสิ่งนั้น

อดิเทพ : ใช่ มันเกิดขึ้นกับผม ผมไปหาหมอ และให้เขาดูผลวิจัยที่อันตรายเกี่ยวกับการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด แล้วเขาก็ไล่ผมออก… 555 ..เราเกือบทะเลาะกัน เรื่องจริงครับ..แต่ก็ไม่เป็นไร

ดร.เชอร์รี่ เทนเพนนี : ขอบคุณที่ยืนหยัดและเข้มแข็งอยู่ที่นั่น ขอบคุณมากฉันซาบซึ้งจริงๆ หากคุณต้องการนัดเวลาอีกครั้งหากมีคำถามอีก คุณสามารถคุยกับมิเชลล์แล้วเธอจะวางคิวในกำหนดการของฉัน เราจะทำเช่นนี้ได้อีกครั้ง

อดิเทพ : ขอบคุณครับ คุณหมอ ขอบคุณมากที่สละเวลาและสำหรับทุกสิ่งที่ท่านทำ และบางทีถ้าผมมีอะไรผมจะขอสัมภาษณ์อีกครั้ง ถึงเวลานั้นขอให้รักษาสุขภาพให้แข็งแรงครับ

ดร.เชอร์รี่ เทนเพนนี : ขอบคุณค่ะ ลาก่อน

อดิเทพ : ลาก่อนครับ

LEAVE A REPLY

Please enter your comment!
Please enter your name here